แพทย์หญิงณัฐกานต์ ชื่นชม ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เตือนให้เป็นอุทาหรณ์ ถึงการใช้สารเคมีทางการเกษตร อย่างยาฆ่าหญ้า พาราควอต
โดยระบุว่า มีคนไข้หนุ่มรายหนึ่ง วัยกลางคน มารับตรวจด้วยอาการอ่อนเพลีย ตัวและตาเหลือง หายใจเหนื่อย พร้อมกับแผลที่ก้นเป็นวงกว้าง หลังจากได้ดูแผลที่ก้นคนไข้ ที่เป็นแผลสีแดงถลอกลึก ไม่มีหนอง เนื่องจากคนไข้บอกไปทำแผลที่อนามัยทุกวัน จึงถามถึงสาเหตุที่มาของแผลนี้
คนไข้เล่าว่า ได้ผสมยาฆ่าหญ้าใส่ถังฉีด แล้วแบกขึ้นหลัง ปรากฏว่าถังรั่ว น้ำยาจึงไหลมาโดนหลังและก้น พร้อมบอกว่าหลังจากโดน ก็อาบน้ำเรียบร้อย แต่ก็เกิดเป็นแผลลึก แล้วแสบทรมานมากๆ ใส่กางเกงไม่ได้เลย ต้องใส่โสร่งแทน
ซึ่งวันที่มาหาหมอ ก็เป็นมา 7 วันแล้ว จากนั้น คุณหมอจึงรีบทำเรื่องนอนโรงพยาบาลให้ เพราะนี่ไม่ใช่เคสแรก เนื่องจากเห็นอาการแบบนี้อยู่บ่อยๆ ก่อนหน้าก็มีชาวนาสองคนในความดูแล ต้องสังเวยชีวิตให้พาราควอต
แพทย์หญิงณัฐกานต์ ระบุด้วยว่า ผลเลือด ค่าตับ ปอด ต่างๆ ไม่มีที่ปกติเลย หลังจากนั้น จึงรีบต่อสายตรงถึงศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ต้องขอความช่วยเหลือคำปรึกษาต่างๆ แล้วยังบอก ใน 1 ปี ในโรงพยาบาลที่ทำอยู่ มีเคสที่ถูกสารพิษนี้กว่า 20 เคส รอดตาย 1-2 คนเท่านั้น แต่ก็ยังหวัง ให้เคสนี้รอด แม้มันจะริบหรี่
สุดท้าย หลังจากรักษาอย่างเต็มที่ คนไข้เคสนี้ก็ไม่รอด หลังจากเข้ารับการรักษา 8 วันที่โรงพยาบาล ระยะเวลาตั้งแต่โดนสารเคมีจนเสียชีวิต ราว 15 วันเท่านั้น เพราะมันเข้าไปในร่างกายเกิดออกซิเจนอนุมูลอิสระ ทำลายอวัยวะภายในไปหมดแล้ว ทั้งตับ ไต และปอด
ตั้งแต่เป็นหมอมา 15 ปี เห็นคนไข้ต้องตายด้วยพิษพาราควอตมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชินชาเลย ได้แต่หวังว่าเมื่อไรสารเคมีรกโลกนี้ จะออกจากชีวิตคนไข้สักที เหตุการณ์ที่เจอบ่อยๆ คือ คนไข้ดื่มเข้าไป เพราะหยิบผิดนึกว่าเป็นน้ำ เพราะเทใส่ขวดน้ำดื่มไว้, คนไข้ซึมเศร้าเอามากินฆ่าตัวตาย, คนไข้ถูกทำร้ายจิตใจจากการกระทำบางอย่างคิดลาโลก, คนไข้ชาวนาถูกยาฆ่าหญ้ารดลงหลัง
จึงอยากวิงวอนให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาถึงการมีอยู่ของสารเคมีตัวนี้ มันอาจจะมีประโยชน์ในตัวมัน แต่อีกด้านหนึ่งมันเป็นเพชรฆาต ไม่ว่าจะให้ความรู้ความเข้าใจอย่างไร แต่พลาดไม่ได้ พลาด=ชีวิต
ที่มา เฟซบุ๊ก Nuttagarn Chuenchom