ประเด็นน่าสนใจ
- “บิ๊กตู่” วอน หยุดโจมตีเรื่องถวายสัตย์ฯ
- นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา ที่เราต้องแก้ไขเรื่องของตนเอง หากทุกคนกล่าวโทษกันไปมาประเทศชาติคงไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งตนมีสิทธิที่จะไปตอบกระทู้หรือไม่ไปตอบเพราะได้ศึกษาข้อกฎหมายมาแล้วทั้งหมด
- ภัยแล้งสุรินทร์ สั่ง ครม. บูรณาการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
วันนี้ ( 14 ส.ค. 62 ) ที่ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 12.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีและภริยา ได้ร่วม เตะฟุตบอลและเล่น ชักเย่อเด็กๆ พร้อมร่วมกันมอบอาหารกลางวันให้แก่เด็กพิการทางสายตา
และเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมทั้งหมด ที่ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนจะเดินทางกลับ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณเข้าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีว่า
ปัญหาที่มีคนตั้งแง่ในขณะนี้ อยู่ในกระบวนการการตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงขอให้หยุดโจมตีกัน ในประเด็นดังกล่าว เพราะการร้องเรียนกันไปมา มันไม่เกิดประโยชน์ โดยส่วนตัวไม่รู้สึกเหนื่อยต่อการทำหน้าที่ เพราะทุกอย่างต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ส่วนอะไรที่มีปัญหาก็ค่อย ๆ แก้ไขกันไป ไม่ควรที่จะกล่าวโทษ
ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลไหม กับการที่ถูกฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามถึงการทำงาน พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกกังวล เพราะที่ผ่านมาก็ทำสิ่งดีตลอด และทำงานอย่างเต็มที่ และการตอบคำถามอยู่บ่อยครั้ง ตนเห็นว่าจะไม่มีวันจบสิ้น เพราะถามมาตนก็ตอบ แต่จะให้ตอบทุกคำถามก็คงเป็นไปไม่ได้
ส่วนการตอบกระทู้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตนทำงานด้านบริหาร มีภาระกิจมากอยู่แล้ว จึงได้มอบหมายให้ผู้ที่รู้รายละเอียดงาน รวมถึงประเด็นอื่น ๆ เป็นผู้ตอบแทนได้เหมือนกัน
ส่วนการลงพื้นที่ตรวจภัยแล้งที่จังหวัดสุรินทร์นั้น นายกรัฐมนตรีเผยว่า ได้มีการวางแผนงานไว้แล้ว ซึ่งได้มีการมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ช่วยดูและรายงานสถานการณ์ จึงเชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาได้
ซึ่งการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีแต่ละคน จะมีการนำรายงานมาหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ต่อ ถ้าหากงานไหนมีการใช้งบประมาณที่ค่อนข้างมาก ตนจะเร่งนำมาถกในที่ประชุม ครม. หลายหน่วยงานจะต้องบูรณาการร่วมกัน
สำหรับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถบรม พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และเป็นองค์กรสาธารณะกุศลที่มุ่งให้ความช่วยเหลือผู้พิการทางการเห็น โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ และศาสนา ได้รับ
โดยนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี และคู่สมรส ได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้พิการทางสายตา จึงได้ร่วมกันมอบอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอน รวมถึงสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค และได้จัดทำสื่อการเรียน อาทิ การทำสมุดทำมือ สำหรับเป็นสมุดงาน รวมถึงการเล่นกีฬากับนักเรียน ด้วยการแข่งขันเตะฟุตบอล และแข่งชักกะเย่อ หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมการแจ้ง จะมาเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นักเรียนผู้พิการทางการเห็น ได้สร้างความปลาบปลื้มและกำลังใจ รวมถึงการมีแรงกายต่อสู้ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีศักดิ์ศรี ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และยังถือเป็นการช่วยส่งเสริมให้กิจกรรมการดำเนินงานของมูลนิธิฯ เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
สำหรับกิจกรรมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเมื่อนายกรัฐมนตรี และภริยา ได้เดินทางมาถึงยังมูลนิธิฯ ก็ได้รับฟังเพลง ใครหนอ จากเด็กนักเรียนของสมาคมคนตาบอด และได้ทักทายเด็ก ๆ ที่ตัวเล็ก ๆ ว่า กินข้าวให้เยอะหน่อย จะได้โตขึ้น และนายกรัฐมนตรี ได้ใช้คำแทนตัวเองกับภริยา ว่า ลุงกับป้า พร้อมทั้งกล่าวต่อว่า คุณลุงนายกก็มา คุณลุงรองนายกก็มา ลุง ๆ รัฐมนตรีก็มาวันนี้นะลูก ดีใจมากที่ได้มา ดีใจที่มาเจอทุกคนวันนี้ ลุงกับป้าอยากฟังเพลงอีก ร้องให้ฟังอีกรอบได้ไหม เด็ก ๆ จึงได้บรรเลิงเพลงอีกรอบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ร่วมร้องเพลงกับเด็ก ๆ ด้วย
โดย พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวบนเวทีกับผู้มาร่วมกิจกรรม ว่า รัฐบาลมุ่งเน้นในการพัฒนาประเทศ โดยการบริหารประเทศแบบมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง คนไทยทุกคน ทุกเชื้อชาติต้องช่วยเหลือกัน เพราะรัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือได้เพียงฝ่ายเดียว
อีกทั้ง ต้องทบทวนให้ดี ให้สอดคล้องกับงบประมาน ตนขอฝากกระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ใช่แค่เรียนอย่างเดียว ต้องหางานให้ด้วย แก้ปัญหาวันนี้แบบยังยืนไปถึงอนาคตข้างหน้า ให้รัฐบาลทำหน้าที่ของรัฐบาลให้ดีที่สุด เพื่อชาติและประชาชน ตามพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี่คือสิ่งที่สุดยอด ที่ต้องนำมาปฏิบัติ
ตนชื่นใจที่เด็ก ๆ มีความสามารถ ตนจะเรียกพวกเขาว่าเป็นเข้าผู้พิการทางสายตา เพราะไม่อยากให้เค้ามีปมด้อย ตนไม่อยากให้คนสงสาร แต่อยากให้คนเข้าใจ อยากเพิ่มแว่นกรอบสีขาว เพื่อให้คนรู้ว่านี่คือผู้พิการ
พร้อมทั้งแนะนำให้อ่านหนังสือบลูโอเขี่ยน อยากให้ทุกคนได้ลองอ่าน หาเป้าหมายให้เจอ เวลาตนอ่านหนังสือแล้วคิดว่าดี ก็คุยกับคณะรัฐมนตรีเพื่อนำมาต่อยอด ตนไม่ได้เก่งมาแต่เกิด แต่ชอบเรียนรู้ เด็ก ๆ ต้องหัดเรียนรู้ เพราะจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดเห็น ลดการทะเลาะเบาะแว้งกัน
ซึ่งนายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงท้ายว่า วันนี้ฟังเพลงวันแม่ ตนฟังแล้วจะร้องไห้ คิดถึงแม่ แม่เสียไปแล้ว น้ำตาจะไหล แต่ตนมีกำลังใจดี เพราะทุกคนอวยพรให้ ขอบคุณและยินดีที่ทำงานนี้ถวายให้ในหลวง และพระบรมราชชนนีพันปีหลวงก่อนลงจากเวที นายกรัฐมนตรี ได้พูดติดตลก ว่า “มีใครจะถามผมไหม มีใครจะถามกระทู้ไหม ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ”