ประเด็นน่าสนใจ
- เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในงานแต่งงานในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิต 63 คนซึ่งกลุ่มไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบในเวลาต่อมา
- เจ้าบ่าวและเจ้าสาวของงานรอดชีวิตทั้งคู่ แต่ญาติพี่น้องที่มาร่วมงานเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
- เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงการเจรจาสันติภาพในอัฟกานิสถานระหว่างสหรัฐฯ และกลุ่มตอลีบัน
หลังเกิดเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตาย ก่อเหตุโจมตีงานแต่งงานในกรุงคาบูล เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 63 คน ซึ่งนับเป็นเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของอัฟกานิสถานในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงที่กลุ่มตอลิบานกำลังทำข้อตกลงในช่วงสุดท้ายของเพื่อลดการประจำการของทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน และกลุ่มตอลิบานก็ออกมาประกาศว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุโจมตีครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา กลุ่มติดอาวุธ‘รัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย’ หรือ กลุ่มไอเอส ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Telegram ซึ่งสื่อเป็นกระบอกเสียงของกลุ่ม อ้างความรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในงานแต่งงาน ครั้งนี้
ทั้งนี้เจ้าบ่าวของงานวิวาห์สีเลือดครั้งนี้ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ Mirwais Elmi หลังเหตุโจมตีว่า ตัวเขาและเจ้าสาวรอดชีวิตจากแรงระเบิดมาได้ แต่พี่ชาย และญาติคนอื่น ๆ ของเขาเสียชีวิตจากเหตุระเบิดหลายคน เขาสูญเสียความหวังและคิดว่าในชีวิตคงจะไม่สามารถกลับมามีความสุขได้อีก ส่วนทางด้านพ่อของเจ้าสาว ระบุว่าครอบครัวของพวกเขา สูญเสียสมาชิกในครอบครัวจากการโจมตีไปกว่า 14 คน
การเจรจาสันติภาพในอัฟกานิสถาน ?
ตัวแทนของกลุ่มตอลิบานและสหรัฐอเมริกาได้เจรจากันในเมืองหลวงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในรัฐนิวเจอร์ซีย์ว่าการเจรจาเป็นไปด้วยดี
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯมีกองทหารประมาณ 14,000 คนในอัฟกานิสถานและเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจนาโต้ โดยนายทรัมป์เผยว่าเขาต้องการถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวระบุถึงการถอนกองกำลังทหารสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนกลุ่มตอลิบานจะเริ่มเจรจากับคณะผู้แทนชาวอัฟกานิสถานในกรอบของความสงบสุข ในการหยุดยิง