ประเด็นน่าสนใจ
- อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ติงรัฐคิดให้รอบคอบจะกู้เงินอีก 2 ล้านล้านบาท
- เพราะจะทำให้ประเทศหนี้เพิ่ม จ่ายแต่ดอกเบี้ยแต่เงินต้นไม่ลด
จากรณีที่ นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้มีการออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมจะทำการกู้เงินจำนวนรวมกว่า 2 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลตลอด 5 ปีข้างหน้า อีกปีละ 4-5 แสนล้านบาทนั้น
ล่าสุด นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นถึงมาตรการดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Korbsak Sabhavasu ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ เพราะจะทำให้ประเทศมีหนี้เพิ่มมากขึ้น แถมจ่ายแต่ดอกเบี้ยแสนแพง แต่เงินต้นไม่ลดสักที
ซึ่งหากจะกู้จริงก็ควรนำมาพัฒนาประเทศให้มีรายได้งอกเงย ไม่ใช่สูญไปอย่างที่เป็นมา อีกทั้งอยากให้รัฐบาลรักษาวินัยการคลังอย่างเคร่งครัดตามที่ประกาศไว้เมื่อตอนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาด้วย
ได้ข่าวว่ารัฐบาลวางแผนที่จะกู้เงินเพื่อปิดหีบงบประมาณอีก 2 ล้านล้านบาท ในช่วง 4 ปีหน้า
ผมเคยนำตัวเลขการกู้เงินของรัฐบาลคสช.มาให้เพื่อนๆได้ดู อยู่มา 5 ปี กู้ไปแล้ว 2.2 ล้านล้านบาท ถ้าเตรียมแผนกู้ตามข่าวจริง อยู่ครบ 5 + 4 = 9 ปี เราจะมีหนี้เพิ่ม รวม 4.2 ล้านล้านบาท
ดูสถิติการใช้หนี้ของรัฐบาลไทยกันครับ เป็นตัวเลขการจ่ายคืนค่าดอกเบี้ยและเงินต้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา ( ภาพด้านล่าง )
จะเห็นว่า ระหว่างปี 2558-2562 รัฐบาลมีภาระดอกเบี้ยสูงขึ้นตามลำดับ ที่น่ากังวลคือถ้าเราจะเดินหน้าตามแนวคิดเดิมๆที่ทำไว้ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เราจะเพิ่มหนี้มากจนหาทางลงไม่ได้ หรือเปล่า
ดูตัวเลขค่าดอกเบี้ยแล้วน่าใจหายเหมือนกันครับ จ่ายปีละกว่าแสนล้านบาท ขณะที่จ่ายคืนเงินต้นได้เพียง 4 -5 หมื่นล้านเท่านั้น
ลงทุนด้วยเงินกู้เพื่อสร้างประเทศเป็นเรื่องจำเป็น แต่ลงทุนแล้วต้องทำให้เกิดรายได้มากพอที่จะจ่ายคืนเงินต้นได้มากขึ้น เพื่อลดรายจ่ายค่าดอกเบี้ย จึงจะถูกต้อง
อยากเห็นรัฐบาลทบทวนแนวทางการบริหารนโยบายทางการคลัง ขอให้รักษาวินัยทางการคลังตามที่แถลงนโยบายไว้กับรัฐสภาอย่างเคร่งครัดครับ
สำหรับการกู้เงินของรัฐบาลในครั้งนี้ นายกอรปศักดิ์ ได้เผยเพิ่มเติมว่า ส่วนใหญ่เป็นการกู้ในประเทศ เครดิตตอนนี้จึงดี ซึ่งเงินกู้จำนวนนี้ ไม่ได้อยู่ในส่วนที่เป็นเงินลงทุนของรัฐบาล
