ประเด็นน่าสนใจ
- ไพบูลย์ คืนเงินกองทุนพรรคการเมือง
- ไพบูลย์ จะฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความเห็นในลักษณะกล่าวหาว่า ทรยศต่อเสียงประชาชน
- ยืนยัน การยุบพรรคไม่ได้เป็นการทรยศต่อผู้ที่เลือกมา เพราะได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ว่าสนับสนุนบิ๊กตู่
นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป นำแคชเชียร์เช็คจำนวน 882,909.67 บาท ซึ่งเป็นเงินที่พรรคได้รับการจัดสรรจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง มาคืนให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
เนื่องจากหากรอ กกต. ประกาศให้พรรคสิ้นสภาพในราชกิจจานุเบกษา ตนก็จะไม่มีอำนาจที่จะนำเช็คดังกล่าวมาคืน เพราะถือว่าพ้นจากการเป็นหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคแล้ว ต้องการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองว่า เมื่อเลิกพรรคแล้วก็ควรคืนเงินอุดหนุนเป็นอันดับแรก
นายไพบูลย์ ระบุว่า เมื่อมีประกาศให้พรรคสิ้นสภาพ ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตนก็จะนำส่งงบการเงินมาให้นายทะเบียนพรรคภายใน 30 วัน จากนั้น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะเข้ามาตรวจสอบการชำระบัญชีให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน
ซึ่งตนก็จะมีหน้าที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรค ที่ต้องชี้แจงการใช้เงินของพรรคเท่านั้น ไม่ต้องรอให้การชำระบัญชีเสร็จ จึงจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้
ฉะนั้นการที่มีเจ้าหน้าที่ของ กกต. ออกมาแสดงความเห็น จึงเป็นการให้ข้อมูลกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง กกต. ควรที่จะตักเตือน นอกจากนี้ นายไพบูลย์ ย้ำว่าจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็จะถือว่าเป็น ส.ส.ของพรรค และจะมาขอหนังสือรับรองจากนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อนำไปยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร
ทั้งนี้ ไม่กังวลเรื่องของลำดับที่ของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะตนเป็นเพียง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แม้มีการเลือกตั้งใหม่ ต้องมีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือถูกกระทบ
นอกจากนี้ นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า จะฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความเห็นในลักษณะกล่าวหาว่า ตนทรยศต่อเสียงประชาชนที่เลือกพรรคประชาชนปฏิรูป และนายเจษฎ์ โทณวณิก ที่แสดงความเห็นว่า ยุบพรรคเหมือนการเผาบ้านเพื่อเอาประกัน
ซึ่งยืนยันว่า สิ่งที่ตนดำเนินการ เป็นไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ และการย้ายไปเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้เป็นการทรยศต่อผู้ที่เลือกมา เพราะพรรคประชาชนปฏิรูป ได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
นายไพบูลย์ ยืนยันว่า การยุบเลิกพรรคไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย และกรณีนี้ไม่ใช่การควบรวมพรรค เพราะไม่ใช่การนำสมาชิกและทรัพย์สินของพรรคมารวม แล้วตั้งเป็นพรรคการเมืองใหม่
ดังนั้น ที่วิพากษ์วิจารณ์กันตอนนี้ จึงเป็นการสร้างวาทกรรมบิดเบือนข้อกฎหมาย โจมตีใส่ความให้ตนเสียหาย จึงคิดว่าถึงเวลาที่ต้องมาตรวจสอบนักวิชาการ ที่ขอเรียกว่านักวิชาเกิน ที่แสดงความเห็นบิดเบือนกฎหมาย ทำให้สังคมเกิดความสับสน
จากนี้ หากใครพูดบิดเบือนกฎหมายไม่ถูกต้อง ตนก็จะฟ้องให้เป็นบรรทัดฐาน ซึ่งใครอยากถูกฟ้อง ก็เชิญออกมาวิพากษ์วิจารณ์ได้