“ ปิยบุตร ” ชี้ช่องโหว่ แม้ คสช. จะยกเลิก ม.44 แต่มีอีกหลายข้อที่ยังใช้อยู่ พร้อมตั้งกระทู้ถาม “บิ๊กป้อม” ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุกับนักกิจกรรมทางการเมือง
วันนี้ ( 10 ก.ค. 62 ) ที่ รัฐสภาชั่วคราว บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เผยถึง กรณีการตั้งกระทู้ถามสด พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการที่ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง ไปเยี่ยมนักกิจกรรมทางการเมือง ที่ออกมาต่อต้านอำนาจของ คสช. ซึ่งตนไม่รู้ว่า จะได้คำตอบไหม แต่กระทู้คำถามนี้ ได้บรรจุแล้ว
ทั้งนี้ นายปิยบุตร ได้กล่าวถึง การยกเลิกคำสั่ง ม.44 จาก คสช. ว่า ถึงแม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยกเลิกคำสั่งคสช. ไปแล้วนั้น ตนเห็นว่า ยังคงมีผลพวงจากคำสั่งหลงเหลืออยู่ เสมือนเป็นการถอดชุดทหาร แล้วมาใส่สูทสากล ถือเป็นการทำสิ่งผิดปกติให้เป็นเรื่องปกติ ทำเรื่องนอกระบบให้อยู่ในระบบ เรื่องนี้สำคัญมาก ถึงแม้จะยกเลิก ม.44 แล้วหลายฉบับ แต่ก็มีผลกระทบมาตลอด 5 ปี ตนตรวจสอบดูยังเหลืออีกหลายฉบับที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งบางฉบับข้อขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลต้องทำให้ชัดเจน เพราะยังมีตกหล่นอยู่หลายร้อยฉบับ ส่วนฉบับไหนที่ยังจำเป็นต้องใช้อยู่ จะแฝงในรูปแบบกฎหมาย ที่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ แล้ว เช่น พระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ. ทวงคืนผืนป่า / การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และกฎหมายการบิน ตนจึงอยากให้ทำการสังคายนาคำสั่ง คสช. ใหม่ทั้งหมด
อีกทั้ง การประชุมสภาฯ ในวันนี้ (10 กรกฎาคม 2562) จะมีการพิจารณาเรื่องข้อบังคับการประชุมสภาฯ และหากมีการอภิปรายพาดพิงถึงการแต่งกายของ ส.ส. หญิงของพรรคอนาคตใหม่ ตนจะเป็นผู้ชี้แจงเอง ว่า ที่ผ่านมาการแต่งตัวถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ดังนั้น ควรจะให้สิทธิ ส.ส.ในการตีความเอง โดยไม่ควรไปยึดติดกับรูปแบบ เพราะการแต่งกายตามแบบนิยม เหมาะสมก็มีพัฒนาการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย หากจะมี ส.ส. คนใดใส่เสื้อยืดกางเกงบอลมาประชุมสภาฯ ก็เป็นสิทธิที่จะทำได้ หากเขาโดนด่าก็เป็นเรื่องของเขาที่จะต้องรับผิดชอบ และรับผลที่จะตามมา ซึ่งจะส่งผลต่อคะแนนเสียงและความนิยมเช่นเดียวกัน หากที่ประชุมสภาฯจะมีการหยิบยกเรื่องการใช้ภาษาถิ่นมาโจมตี ตนก็จะชี้แจงว่าในต่างประเทศก็อนุญาตให้ใช้ภาษาถิ่นในการอภิปรายในสภาฯได้ ดังนั้นจึงเห็นว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ควรจะนำมาเป็นสาระสำคัญ