ประเด็นน่าสนใจ
- 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันเสนอคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
- ล่าสุดวันนี้ (19 ก.ค.62) ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องวินิจฉัยแล้ว แต่ ‘บิ๊กตู่’ ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
วันนี้ (19 ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลรับธรรมนูญ ได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดี กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎาส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์อชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 44 (15) หรือไม่
โดยผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาว่าคำร้องของผู้ร้องแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบปรากฏว่า ส.ส. จำนวน 110 คน ซึ่งเป็นจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรเข้าชื่อร้องต่อ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ร้อง ขอให้ส่งคําร้องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรี ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 44 (15) เพราะเหตุเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
กรณีดังกล่าวจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม และมาตรา 82 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (5) แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ จึงสั่งรับคําร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสําเนาคําร้องให้ผู้ถูกร้องเพื่อยื่นคําชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสําเนาคําร้อง
สําหรับการพิจารณากรณีให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่าจะต้อง “ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง” ซึ่งตามคําร้องและเอกสารประกอบคําร้องก็ไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องที่จะทําให้เกิด ความเสียหายแต่ประการใด ประกอบกับผู้ร้องไม่ได้มีคําขอในส่วนนี้ จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง