สหรัฐ อิหร่าน โดรน

ตึงเครียด ! กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านสอย ‘โดรน’ สหรัฐร่วง

วันที่ 20 มิ.ย. 2562 สำนักข่าว ‘ซีเอ็นเอ็น’รายงานอ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวแห่งชาติอิหร่านที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน กองกำลังที่ขึ้นตรงกับอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้ยิงอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนแบบสอดแนมรุ่น “อาร์คิว-โฟร์ โกลบอล ฮอว์ก”…

Home / NEWS / ตึงเครียด ! กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านสอย ‘โดรน’ สหรัฐร่วง

ประเด็นน่าสนใจ

  • กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านยิงโดรนสอดแนมของสหรัฐตก เนื่องจากโดรนลำนี้ “ละเมิดน่านฟ้าและมีพฤติกรรมสอดแนม”
  • สหรัฐอเมริกากับอิหร่าน มีความขัดแย้งกัน ประเด็นอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน
  • ศูนย์บัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐ ปฏิเสธที่จะออกมาให้ความเห็นใดๆ

วันที่ 20 มิ.ย. 2562 สำนักข่าว ‘ซีเอ็นเอ็น’รายงานอ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวแห่งชาติอิหร่านที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน กองกำลังที่ขึ้นตรงกับอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้ยิงอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนแบบสอดแนมรุ่น “อาร์คิว-โฟร์ โกลบอล ฮอว์ก” ( RQ-4 Global Hawk ) ของกองทัพสหรัฐ จนกระทั่งตกลงสู่พื้นดินในจังหวัดฮอร์มอซกัน ทางตอนใต้ของประเทศ

ทั้งนี้รายงานระบุว่าก่อนหน้านี้ในพื้นที่จังหวัดฮอร์มอซกันเกิด “เหตุวินาศกรรม” เรือบรรทุกน้ำมัน 2 ครั้ง โดยเรือ 4 ลำถูกโจมตีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และเรืออีก 2 ลำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเกิดเหตุรัฐบาลวอชิงตันกล่าวหารัฐบาลเตหะรานอยู่เบื้องหลัง ขณะที่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว นอกจากนี้กองทัพสหรัฐเดินหน้าเสริมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าไปประจำการในตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่องทำให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม จังหวัดฮอร์มอซ เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 1,200 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ทั้งด้านความมั่นคงและโลจิสติกส์ที่สำคัญในอ่าวเปอร์เซีย จึงเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่ออิหร่านเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ทั้งนั้นขณะนี้ ศูนย์บัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐ ปฏิเสธที่จะออกมาให้ความเห็นต่อรายงานของไออาร์เอ็นเอ แต่ยืนยันว่าไม่มีโดรนของสหรัฐปฏิบัติอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ ตามคำกล่าวของนางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงทำเนียบขาว

ที่มา cnn.com