จักษุแพทย์โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) แนะหากมีอาการคันตา เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล ขี้ตาเหนียว เยื่อบุตาแดง ควรรีบพบจักษุแพทย์ เพราะอาจเกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นตาได้
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ภูมิแพ้ขึ้นตา เป็นโรคที่ก่อให้เกิดความรำคาญระคายเคืองและเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อของดวงตาอันนำไปสู่การเกิดโรคตาอื่น ๆ ตามมา ยิ่งในสภาวะปัจจุบันสภาพอากาศเต็มไปด้วยหมอกควันและฝุ่นที่มากขึ้น ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นตาได้มาก พบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ปัญหาโรคภูมิแพ้ทางตาอาจไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อการมองเห็น แต่มักเป็นปัญหาเรื้อรัง และเกิดผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้หากมีอาการคันตา เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล ขี้ตาเหนียว เยื่อบุตาแดง เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา ผิวหนังเปลือกตาอักเสบ ควรพบจักษุแพทย์ทันที
แพทย์หญิงสายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มเติมว่า
โรคภูมิแพ้ขึ้นตาเกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งที่แพ้ โดยการอักเสบจะเกิดที่บริเวณเยื่อบุตาขาวเป็นหลัก สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ อาการภูมิแพ้ที่เกิดตามฤดูกาล มักเกิดจากละอองเกสรดอกไม้ ดอกหญ้า ซึ่งจะมีอาการตามฤดูกาลของสารกระตุ้นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ขึ้นตา
ดังนั้นการรักษาและการใช้ยาจะเป็นแค่ช่วงที่มีอาการเท่านั้น สาเหตุอื่น ได้แก่ ไรฝุ่น อาหาร สารเคมี ขนสัตว์ เครื่องสำอาง ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นระยะเวลานาน หรือทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ไม่ถูกต้องหรืออาจแพ้สารเคมีในน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์
สำหรับการรักษาผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ขึ้นตาต้องได้รับการรักษาแบบองค์รวม คือให้ยาหยอดตาและอาจมียารับประทานร่วมด้วย แนะนำเกี่ยวกับการค้นหาสารภูมิแพ้และปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมจะช่วยทำให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เช่น ฝุ่นหรือละอองเกสรดอกไม้
นอกจากนี้ ควรใส่แว่นกันลมที่ปิดด้านหน้าและด้านข้างเพื่อป้องกันดวงตาไม่ให้โดนสิ่งกระตุ้นที่จะทำให้เกิดอาการแพ้ ล้างมือ อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อกลับเข้าที่พัก ไม่ใช้พรมในบ้าน เพราะพรมจะกักเก็บฝุ่นไว้ในปริมาณมาก ควรเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีขน เช่น แมว สุนัข และหลีกเลี่ยงการขยี้ตาเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก รพ.เมตตาฯ (วัดไร่ขิง)