ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ในการระบาดระลอกใหม่ในหลายประเทศ ทำให้มีการเร่งในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ในประชาชน – กลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ อย่างมาก ซึ่งฝรั่งเศสกลับพบปัญหา ผู้ที่มารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต่ำกว่าเป้าอย่างมาก
โดยรัฐบาลฝรั่งเศสได้สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากบริษัท Pfizer-BioNTech จำนวนมากกว่า 560,000 โดส และกำลังเตรียมรับมอบอีกราว 5 แสนโดส ให้กับประชาชนในกลุ่มเสี่ยง ที่เป็นผู้สูงอายุ และผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเป็นกลุ่มแรก ๆ
แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 5 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ผู้มารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในรายงานเบื้องต้นเพียงราว ๆ 5 พันรายเท่านั้น ซึ่งเป้าหมายของรัฐบาลฝรั่งเศสต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ได้ 1 ล้านคน ในเดือนมกราคม 2564 นี้ เพื่อหยุดยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้
ซึ่งเมื่อเทียบกับในประเทศอื่น ๆ เช่น อิตาลี ที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปแล้วกว่า 1.1 แสนราย, เยอรมนี กว่า 2 แสนราย
ปัญหาหลัก – คนกลัววัคซีน / ไม่ไว้ใจรัฐบาล
เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในฝรั่งเศส ต้องเผชิญกับปัญหาอย่างมากในการกระตุ้นให้ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มเป้าหมาย ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา หรือสถานดูแลผู้สูงอายุต่าง ๆ
ผลสำรวจที่สำรวจโดย Odoxa polling และหนังสือพิมพ์ Le Figaro พบกว่า ประชาชนราว 58% ปฏิเสธไม่รับการฉีดวัคซีน ป้องกันโควิด-19
ซึ่งในงานวิจัยพบว่า ประชาชนไม่เชื่อมั่น และไม่ไว้ใจในวัคซีน หลังจากที่เคยเกิดปัญหาการปนเปื้อนจากการให้บริการสาธารณสุข เป็นสาเหตุให้ มีผู้ติดเชื้อ HIV มากกว่า 1 พันราย เมื่อปี 1991
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือต่าง ๆ ในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับวัคซีนชนิดต่าง ๆ ว่ามีการปนเปื้อน จะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท, การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง DNA เพราะการรับเอา RNA ของไวรัส
รวมถึงหลายคนเชื่อว่า การที่วัคซีนโควิด-19 ออกมาอย่างรวดเร็วเกินไปนั้น ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า วัคซีนที่ได้มีความน่าเชื่อถือมาน้อยเพียงใด
ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็น “ความเชื่อ” ที่ไม่มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงมารองรับแต่อย่างใด