ท่ามกลางกระแสตลาดซูเปอร์คาร์กำลังยกระดับมาตรฐานทั้งเทคโนโลยีและสมรรถนะ บางรุ่นก็มีการปรับโฉมใหม่อย่างรวดเร็วเพื่อขานรับตอบสนองผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ แต่ Nissan GT-R (R35) นั้นยังคงยืนหยัดจำหน่ายโฉมปัจจุบันแม้จะผ่านมานานเกือบ 13 ปีแล้ว ซึ่งได้ข้อมูลว่าต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่หรือตลาดใหม่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของรถในฝันในราคาที่เอื้อมได้
Mr. Hiroshi Tamura หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของนิสสัน และยังเป็นเจ้าของฉายา Mr. GT-R ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CNet Roadshow ได้เผยถึงความเคลื่อนไหวการพัฒนารถสปอร์ต รวมถึงได้พูดถึงเทคโนโลยีไฮบริดอีกด้วยในเจนเนอเรชั่นต่อไปด้วย แต่ในโฉมปัจจุบันยังคงจำหน่ายตามปกติต่อไปอีกสักระยะ
หัวใจสำคัญของ GT-R ตั้งแต่ R32 ถึง R35 ได้รับการพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความแข็งแกร่ง ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับสมรรถนะการขับขี่ที่สัมพันธ์กับราคา และการเปลี่ยนแปลงก็จะไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพไดนามิคใด ๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถยนต์ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องพึ่งเทคโนโลยีมากเกินไป
ในช่วงเปิดตัวในสมัยแรก ๆ นั้นราคาค่าตัวของมันก็ถือว่าสูงมาก แต่จากการที่ไม่ได้ติดตั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงประสิทธิถาพของขุมพลัง V6 ที่ยังคงทรงพลังมาตั้งแต่ต้น ซึ่งจากการทดสอบล่าสุดในรุ่น Nismo ยังสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ยังสามารถทำได้ถึง 2.9 วินาที
เมื่อรวมกับปัจจัยค่าเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทุก ๆ ปี กับการที่ Nissan GT-R (R35) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่าในอนาคตแฟน ๆ ก็อตซิลล่าจากทั่วทุกมุมโลก จะสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ตอนสนองต่อรถยนต์ในฝันได้ง่ายขึ้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 อาจส่งผลให้การพัฒนาโฉมใหม่เกิดความล่าช้าขึ้น และส่งผลต่อยอดขายรถสปอร์ตที่จากเดิมกระแสรถรูปแบบนี้ค่อย ๆ ลดความนิยมลงเนื่องจากปัจจัยการเลือกซื้อของผู้บริโภค ซึ่งว่าที่ “R36” ที่แฟน ๆ รอการปรากฎมานั้นคงอาจจะต้องยืดเวลารอคอยกันอีกสักระยะ
เครดิตข้อมูลจาก CNet Roadshow
