Mazda Innovation Motorsport เตรียมความพร้อม ฟิดเต็มพิกัด ในการคว้าชัยการแข่งขัน Bangsaen Grand Prix 2019 ณ สนามแข่งขันบางแสน สตรีท เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี ทางทีมมาสด้า เรซซิ่ง ส่ง 2 นักแข่งระดับแนวหน้าในการนำพา Mazda 2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 1,500 ซีซี. เข้าแข่งขันในประเภท Thailand Super Compact ประกอบไปด้วย คุณมานะ พรศิริเชิด (43), คุณจารุตม์ จรวิเศษ (55) ภายใต้การบริหารโดยผู้บริหารทีม คุณไมเคิล ฟรีแมน
หลังจากทีม Mazda Innovation Motorsport ได้คว้าคะแนนอันดับหนึ่งในประเภททีมของรายการแข่งขัน Thailand Super Series 2019 สนามที่ 1-2 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยคุณมานะ พรศิริเชิด สามารถคว้าอันดับ 1 ส่วนคุณคุณจารุตม์ จรวิเศษสามารถคว้าอันดับ 3 โดยทางบริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร ลามิน่า ได้จัดสัมภาษณ์พิเศษทีมแข่งขัน เพื่อเปิดเผยการวางแผนและเตรียมความพร้อมในสนามนี้
ในการแข่งขัน Bangsaen Grand Prix 2019 ครั้งนี้คุณมานะได้เผยว่า ทางทีมต้องเตรียมรับมือกับการแข่งขันครั้งใหม่ โดยจะเป็นการแข่งรถในสนามแข่งภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง แบบไม่จำกัดรอบ รวมไปถึงในกติกา รถยนต์ 1 คัน สามารถให้นักแข่ง 2 คนได้ แต่ทางทีมได้วางแผนว่าจะใช้นักแข่งเพียงคนเดียว ขับรถคันเดียว และเข้า Pit ได้ 1 ครั้ง ซึ่งจะช่วยควบคุมระยะเวลาให้สามารถเซ็ตรถได้อย่างรวดเร็ว แต่ทางทีมเองก็ต้องวางแผนรับมือกับฝุ่นทรายในสนามแข่งเนื่องจากเป็นสนามที่ติดกับทะเล ประกอบกับขนาดเลนที่แคบ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยคุณไมเคิล ได้กำชับให้ทีมแข่งได้หมั่นฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวผู้ขับขี่ ทีมช่าง และปรับเซ็ตรถครั้งใหม่ให้สามารถวิ่งแข่งได้นานยิ่งขึ้น
คุณมานะได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การแข่งขันแบบแรลลี่และทางเรียบนั้น แม้จะมีความใกล้เคียงกัน แต่ความแตกต่างอย่างชัดเจนก็คือรูปแบบของสนามที่การแข่งในบางครั้งก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หากพลาดก็ยังมีโอกาสแก้ตัวได้ แต่การแข่งขันแบบทางเรียบนั้นจะมีการวางแผน ฝึกซ้อม ศึกษาข้อมูลและสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ล่วงหน้าได้ ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ พลาดไม่ได้ในเสี้ยววินาที
โดยการแข่งขัน Bangsaen Grand Prix 2019 ครั้งนี้ จะต้องวางแผนและประสานงานทีมแข่งให้รอบคอบ รัดกุม สมบูรณ์แบบที่สุด ตั้งแต่จุดสตาร์ท, การขับขี่ในเส้นทางรูปแบบต่างๆ, การเข้าพิท, การเปลี่ยนยาง เติมน้ำมัน ไปจนถึงช่วงนาทีสุดท้าย รวมไปถึงการรับมือต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น สภาพอากาศ บางวันอาจจะเจอฝนหรือไม่ก็สภาพอากาศที่ร้อน หรือบางครั้งอาจจะเจอกับอุบัติเหตุและการกระทบกระทั่งกัน ทางทีมแข่งได้ตระหนักเสมอว่าทำให้เต็มที่ที่สุด ดีที่สุด และใน 1 ชั่วโมงต้องวิ่งให้จบ ซึ่งคุณมานะพร้อมสำหรับการแข่งขันใน 1 ชั่วโมงอย่างแน่นอน
เป้าหมายหลักๆ ของทีมแข่ง Mazda Innovation Motorsport ก็คือการคว้าคะแนนทีมมากกว่า และในปลายปีอยากให้ได้แชมป์ แม้จะใช้รถคนละคัน แต่จะมีการแบ่งคลาส โดยคุณมานะ พรศิริเชิด จะอยู่คลาส A ส่วนคุณคุณจารุตม์ จรวิเศษ จะอยู่คลาส C ซึ่งแต่ละคนจะต้องทำคะแนนทีมให้ได้มากที่สุด ส่วนคะแนนคลาสนั้นเป็นโบนัสของแต่ละคน
สำหรับโดยรวมการแข่งขันนั้นถือได้ว่าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งในทีมได้ใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลทั้ง 2 คัน แถมยังเป็นเครื่องยนต์มาตรฐานจากโรงงาน ไม่มีการปรับแต่งอะไรมากนัก ซึ่งการแข่งประเภท Thailand Super Compact ถือได้ว่าเป็นการแข่งแบบ Open แล้ว ที่เหลือก็วัดกันแค่ซีซีอย่างเดียว โดยทีมเราใช้เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี. ดีเซลเทอร์โบเดิมๆ แค่เปลี่ยนไปใช้เกียร์แมนนวลเท่านั้น ซึ่งเป็นที่น่าพอใจอย่างมากสำหรับรถยนต์สแตนดาร์ดที่สามารถไปแข่งขันกับคู่แข่งได้
ความได้เปรียบของการใช้รถยนต์ดีเซลในการแข่งขัน 1 ชั่วโมง ก็คืออัตราการกินน้ำมันที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งหากเข้าพิทก็แค่เติมลมยาง ปล่อยลมยาง หรือเปลี่ยนลมยางใหม่เท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้ในการใช้เวลาพิทเซอร์วิสทำได้น้อยที่สุด
ใน 1 ฤดูกาลจะยากทุกสนาม แต่ในแต่ละสนามก็จะมีเสน่ห์แต่ละอย่าง ซึ่งยอมรับว่าสนามที่ยากที่สุดคือสนามบางแสน เพราะสนามบางแสนเวลาซ้อมให้แค่ 2 ครั้ง ประมาณรอบละ 15 นาที หลังจากนั้นก็ควอลิฟายและแข่งขันเลย แล้วช่วงแข่งขันก็ต่อเนื่องกัน ซึ่งหากชุดก่อนหน้านั้นเกิดอุบัติเหตุ หรือมีรถทำน้ำมันรั่ว แล้วเราต้องแข่งเลย มันคือสิ่งที่ต้องแก้ปัญหากันเฉพาะหน้า
การควอลิฟายได้ครั้งนี้แบ่งออกเป็นเรซ 1 และเรซ 2 โดยเรซ 1 นั้นช่วงเช้าเกิดฝนตกหนัก ทางทีมจึงได้วางแผนกันว่าจะไม่ต้องเอาจริงมากเพื่อความปลอดภัย ซึ่งในช่วงเช้านั้นทางทีมสามารถสตาร์ทเรซแรกได้ที่ 8 หลังจากก่อนหน้าได้วางแผนไว้ว่าจะอยู่ที่ 11 ส่วนเรซที่ 2 ก็ทำได้อันดับที่ 4 เนื่องจากสนามเริ่มแห้งแล้ว จากนั้นไปวัดผลจริงในช่วง 50 นาทีสุดท้าย
สำหรับสนามที่ 5 และ 6 ที่จะแข่งกันในสนามพีระ เซอร์กิต เดือนกันยายนนี้ ก็จะต้องรับมือกับสภาพสนามแข่งที่เก่าแก่และมีเนินอย่างชัดเจน และการแข่งขันในสนาม สนาม 7 และ 8 ที่จะแข่งกันในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ช่วงเดือนตุลาคมก็จะต้องรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย โดยสนามแข่งที่เหลือจะยังคงใช้รูปแบบวิ่งครบ 1 ชั่วโมงเหมือนบางแสน
ซึ่งทางทีมได้เตรียมข้อมูลและวางแผนรับมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันช่วงปลายปีที่อุณหภูมิจะลดลง ด้วย Mazda 2 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ที่จะได้เปรียบตรงที่อากาศยิ่งเย็น จะช่วยให้ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น แถมตัวรถก็ยังใช้น้ำมันที่น้อยลงอีกด้วย จึงสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้มากกว่าใคร
คุณไมเคิล ฟรีแมน ได้เผยว่ามีเป้าหมายที่จะปั้นเด็กไทยให้เข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งตัวคุณจารุตม์ จรวิเศษ ได้เข้าร่วมเป็นนักแข่งภายใต้ทีมมาสด้าเป็นปีที่สองแล้ว ซึ่งตัวเขาสามารถทำผลงานได้ดีทั้งในปีที่แล้วและในปีนี้ ประกอบกับได้รับการเรียนรู้ทักษะ ประสบการณ์และการช่วยเหลือทีมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
และตัวคุณจารุตม์ จรวิเศษเอง ได้เผยว่าแม้ตัวเขาจะสร้างชื่อเสียงจากการกับโกคาร์ทสู่การขยับมาขับรถยนต์ ที่ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งเพราะการขับรถโกคาร์ทกับขับรถแข่งจริงๆ จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ด้วยความมานะ การเรียนรู้ทักษะการขับขี่อย่างต่อเนื่อง รู้ว่าอาการแบบนี้ต้องแก้ไขอย่างไร และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสนามบางแสนนี้ยอมรับว่ามีความกังวลไม่น้อย เนื่องจากเป็นสนามที่ไม่เน้นทำความเร็ว จึงต้องมีการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ออกกำลังกายมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายฟิตพร้อมสำหรับการแข่งขันใน 1 ชั่วโมง และตั้งเป้าหมายว่าหากไม่เกิดเหตุการณ์ผิดพลาด เช่น อุบัติเหตุ จะต้องติด Top 2 ให้ได้ในปีนี้ โดยในการควอลิฟายในครั้งนี้ เรซแรกได้ที่ 3 ส่วนเรซที่สองได้อันดับ 4 ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจ
