ในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC 2022 ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ- เศรษฐกิจหมุนเวียน- เศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular- Green- Economy Model (BCG) ครั้งนี้ BMW ได้รับเลือกเป็น Official Mobility Partner for APEC 2022 Leaders และส่ง THE NEW BMW i7 เพื่อใช้ในการต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ตลอดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565
50 ปีของการเดินทางกับยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
50 ปีของการเดินทางบนเส้นทางที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นับแต่ BMW 1602 Electric รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของ BMW ได้เปิดตัวออกสู่สาธารณะชนในปี 1972 จนมาถึงปี 2022 ที่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าตระกูล BMW i หลากหลายรุ่นนับล้านคันลงไปโลดแล่นบนถนนทั่วโลก และได้มีบทบาทสำคัญในการประชุมเอเปคครั้งนี้ โอกาสนี้เราจะชวนคุณย้อนเวลากลับไปมองเส้นทางของ e-mobility ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
1960 ยุคของบุปฝาชนและวัฒนธรรมป๊อป ทศวรรษของการเคลื่อนไหวทางสังคม ไปพร้อมกับปัญหามลภาวะในเขตเมืองที่เพิ่มขึ้น จนรัฐแคลิฟอร์เนียออกกฎหมายที่เข้มงวดเพื่อลดการปล่อยไอเสียจากรถยนต์ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาแหล่งเชื้อเพลิงทางเลือกที่ผู้ผลิตยานยนต์หลายรายเริ่มวิจัย หนึ่งในนั้นคือ BMW ที่กำลังซุ่มพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเช่นกัน
BMW 1602 Electric ในโอลิมปิกฤดูร้อน
1969 BMW Group เริ่มทดลองสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขึ้นมาสองคัน โดยพัฒนาขึ้นมาจาก BMW 1602 ซึ่งอยู่ในคลาสเดียวกับ 2002 ซึ่งในตอนนั้นเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด BMW 1602 Electric ถูกถอดเครื่องยนต์และถังน้ำมันออก และแทนที่ด้วยแบตเตอรี่ตะกั่วกรดจาก VARTA ขนาด 12 โวลต์ 12 ก้อนวางในห้องเครื่อง กระปุกเกียร์ธรรมดาถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์บ๊อชที่มีกำลังสูงสุด 32 กิโลวัตต์และกำลังส่งไปยังล้อหลัง
1972 การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ได้จัดขึ้นที่มิวนิก เป็นเวลาเดียวกับอาคารลูกสูบ สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ BMW Group สร้างเสร็จพอดี BMW ใช้เวทีนี้ เปิดตัว BMW 1602 Electric สีส้ม Ruby Red รถสองคันทำหน้าที่เป็นพาหนะสำหรับคณะกรรมการจัดงาน และยังใช้เป็นรถสนับสนุนและติดกล้องถ่ายภาพการแข่งขันนอกสถานที่ เนื่องจากมันไม่มีไอเสียที่ปล่อยสู่เหล่านักกีฬา
BMW 1602 Electric วิ่งได้ 60 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถเร่งความเร็วจาก 0-50 กม./ชม. ในแปดวินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 100 กม./ชม. แต่ระยะทางเท่านี้และแบตเตอรี่น้ำหนัก 350 กิโลกรัม ทำให้ BMW 1602 Electric ยังไม่ใช่รถยนต์สำหรับการใช้งานจริง มันจึงยังไม่ได้ผลิตออกมาจำหน่าย แต่เทคโนโลยีนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู
BMW 1602 Electric ไม่เพียงเป็นยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกของ BMW Group แต่ยังเป็นรถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าเพียงไม่กี่คันในยุคนั้นที่ดูเป็นรถใช้งานจริง ต่างจากแบรนด์ส่วนใหญ่ที่เน้นดีไซน์หวือหวา ด้วยกลยุทธ์ของ BMW ที่ตั้งใจแสดงให้เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาผิดแผกเพียงเพราะใช้เทคโนโลยีที่แตกต่าง
1975-1992 BMW Group ได้ทำการวิจัยและทดสอบรถยนต์รุ่นต่างๆ บนแพลตฟอร์ม BMW LS ที่ใช้แบตเตอรี่โซเดียมซัลไฟด์จนพัฒนามาเป็น BMW E1 ซิตี้คาร์ที่เปิดตัวงานแฟรงค์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ (IAA) ในปี 1991
2009 BMW ได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฮบริดพร้อมกันสองรุ่นที่งานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ คือ BMW ActiveHybrid 7 และ BMW ActiveHybrid X6 SAC เนื่องจากแบตเตอรี่ในยุคนั้นยังมีพละกำลังไม่มาเท่าในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จึงนำเสนอรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกที่งาน IAA ในปี 2009
“Born electric” BMW i
2010 ผ่านมาเพียงหนึ่งปี BMW ก็นำเสนอ BMW Concept ActiveE ตามมาติดๆ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ได้พัฒนาต่อมาเป็น Megacity Vehicle (MCV) ซึ่งนำไปสู่การเปิดตัว BMW i3 กับ “Born electric” สโลแกนของรถยนต์เซกเมนต์ใหม่ของ BMW ในชื่อ BMW i ได้เปิดตัวรถรุ่นแรกคือ BMW i3 ที่มีห้องโดยสารทำจากพลาสติกเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) เป็นผลให้น้ำหนักเบาช่วยให้รถแล่นได้ไกลขึ้นด้วยแบตเตอรี่ขนาดเล็กลง
2014 เปิดตัวรถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริตในตำนานอย่าง BMW i8 ที่มาจากคอนเซ็ปต์ BMW Vision EfficientDynamics ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กปล่อยมลพิษต่ำรวมกับพลังงานไฟฟ้าจนได้สมรรถนะสูง และตามมาด้วยรุ่นเปิดประทุน roadster BMW i8 ในปี 2018
2019 BMW แสดงให้โลกเห็นว่าบริษัทได้ก้าวไปอีกขั้นในการใช้เทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ในรถ BMW i Hydrogen NEXT และอีกสองปีต่อมา BMW iX5 Hydrogen ที่ขับขี่ได้จริงก็เปิดตัวครั้งแรกในงาน IAA 2021
BMW i Vision Circular
2022 ภาพของยานยนต์อนาคตนั้นมาถึงเร็วกว่าที่ใครๆ คาดไว้ ผ่าน BMW i Vision Circular คือรถต้นแบบที่ออกแบบตามหลักการของความยั่งยืน ฉายภาพให้ผู้คนมองเห็นได้ว่ารถยนต์จากบีเอ็มดับเบิลยูจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และกว่าถึงถึงตอนนั้นผู้คนก็สามารถสัมผัสประสปการณ์เหล่านั้นใน BMW iX, BMW i4, BMW i7, BMW iX1, BMW iX3 และอีกหลายๆ รุ่นที่ทยอยกันออกมาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการเดินทางของพวกเรา
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://www.bmw.com/en/magazine/innovation/bmw-1602-electric-50th-birthday-at-european-championships-munich-2022.html