Tantris Maison Culinaire เปิดให้บริการเมื่อปี 1971 เป็นร้านอาหารที่มีความล้ำกว่าใครทั้งอาหารที่เสิร์ฟและตัวร้าน โดยตัวอาคารซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกและนักออกแบบชาวสวิส Justus Dahinden ได้รับการรับรองเป็นอาคารอนุรักษ์ตั้งแต่ปี 2012 และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของนครมิวนิค เช่นเดียวกับ “อาคารลูกสูบ” สำนักงานใหญ่ของ BMW เพราะสิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันก็คือความ “ล้ำ” อยู่ตลอดเวลา
จากวันนั้นถึงวันนี้ Tantris Maison Cuinaire ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฟลิกซ์ ไอช์บาวเออร์ (Felix Eichbauer) ซึ่งเข้ามารับหน้าที่เจ้าของร้านต่อจากพ่อ เขาได้ปรับเปลี่ยนร้านใหม่ให้มีร้านอาหาร 2 แห่งและบาร์อยู่ใต้หลังคาเดียวกัน นอกเหนือจาก Restaurant Tentris แล้ว ยังมี Restaurant Tantris DNA เป็นห้องอาหารตามสั่งสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ เสิร์ฟอาหารสไตล์เฮาส์คลาสิกโดยเชฟสาวคนเก่ง เวอร์จินี โปรทาท (Virginie Protat) เสิร์ฟอาหารสไตล์เฮาส์คลาสสิก ส่วนเบนจามิน ชุมูระ (Benjamin Chmura) เชฟหลักดีกรี 3 ดาวมิชลิน รับผิดชอบรังสรรค์อาหารฝรั่งเศสชั้นสูงที่ Bar Tantris
พ่อของเบนจามิน ชุมูระนั้นเป็นวาทยากร และตัวเขาชอบเล่นฟุตบอล ดังนั้นเขาจึงเกิดมาเพื่อเป็นอัจฉริยะของวงออเคสตราในครัว “เมื่อทุกอย่างไม่ราบรื่น คุณต้องแก้ปัญหาและมองโลกในแง่ดี ดึงทีมที่คุณรับผิดชอบไปพร้อมกับ มันต้องใช้ความนิ่งมากๆ” สำหรับเมนูมังสวิรัติ มันไม่ง่ายที่จะถอดปลาและเนื้อสัตว์ออกจากเมนูแต่ยังคงความอร่อยอยู่ แต่แดเนียล ฮัมม์ทำได้ นั่นทำให้ Eleven Madison Park เป็นหนึ่งใน “50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก”
และเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของ Tantris Maison Culinaire นั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เริ่มต้นที่ยนตรกรรมสุดล้ำ The new BMW i7 ที่จอดต้อนรับแขกอยู่หน้าร้าน ตามมาด้วยเมนูอาหาร 7 คอร์สด้วยฝีมือของสองเชฟมิชลินสตาร์ ที่เป็นเมนูมังสวิรัติทั้งหมดจากวัตถุดิบออแกนิกส์ถูกนำมารังสรรค์เป็นอาหารรสเลิศ โดยเชฟประจำร้าน เบนจามิน ชุมูระ และเวอร์จินี โปรทาท ร่วมกับเชฟกิตติมศักดิ์ แดเนียล ฮัมม์ (Daniel Humm) ที่เชี่ยวชาญการครีเอทเมนูมังสวิรัติ และเจ้าของร้าน Eleven Madison Park ในนิวยอร์กซิตี้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน “50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก”
การรังสรรค์เมนูต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศหวานกับโป๊ยกั๊กสีเขียว เยรูซาเล็มอาติโช๊คและหน่อไม้ฝรั่งถูกตัดเป็นชิ้นขนาดเท่ากัน ปรุงสุก ลวก กงฟี พับและห่ออย่างระมัดระวัง ทุกวินาทีที่มีค่า ในครัวก็ทำงานแข่งกับเวลา และมีการแบ่งงานตามความเชี่ยวชาญก่อนนำมาประกอบร่วมกัน ไม่ต่างจากในโรงงานผลิตรถยนต์
ความคิดสร้างสรรค์คือสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างสิ่งที่จะกลายเป็นของคลาสสิคในวันข้างหน้า สำหรับ BMW การคิดนอกกรอบก็เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เหมือนแนวคิด Forwardism ที่เชื่อว่าโลกสามารถแตกต่างได้จากที่เป็นอยู่ตอนนี้ เหนือสิ่งอื่นใดคือเราต้องเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน และนี่คือสิ่งที่เหมือนกันของ Tantris Maison Culinaire และ BMW ที่สร้างตัวเองขึ้นใหม่เสมอ ขณะเดียวกันก็สะท้อนรากเหง้าของตัวเองไว้อย่างชัดเจน
ขอบคุณเรื่องราวน่าสนใจจาก BMW.com