Mr. Stephan Winkelmann ซีอีโอ Lamborghini ได้ประกาศร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ครึ่งหนึ่งภายใน 2025 ผ่านการพัฒนาซูเปอร์คาร์ และซูเปอร์เอสยูวีโฉมใหม่ โดยเฉพาะการนำเสนอขุมพลังรุ่นใหม่ล่าสุดที่ครอบคลุมทุกความต้องการ อย่างขุมพลังไฮบริด/ปปลั๊กอินไฮบริด และขุมพลังไฟฟ้า BEV ภายในช่วงปี 2024 หรือ 2025 เป็นต้นไป
โดยทางบริษัทฯ จะอัดฉีดเงินลงทุนมากกว่า 1.5 พันล้านยูโร หรือราว ๆ 5.7 หมื่นล้านบาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า เพื่อยกระดับสายการผลิตให้รองรับการผลิตระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและระบบไฮบริด (โดยเฉพาะปลั๊กอินไฮบริด), พัฒนาวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อชดเชยปริมาณน้ำหนักจากระบบขับเคลื่อนไฮบริด โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2024 ข้างหน้าจะสามารถเปิดตัวซูเปอร์คาร์ขุมพลังไฮบริดได้ในบางรุ่น โดยเฉพาะ 3 รุ่นหลักที่จำหน่ายในปัจจุบัน
และภายหลังปี 2015 ก็จะมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV 100% ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาว่ารถรุ่นแรกที่ใช้ขุมพลังนี้จะเป็นซูเปอร์คาร์ 2 ประตู หรือรถยนต์สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น SUV หรืออาจจะมากกว่านั้น
แม้ว่าทางบริษัทฯ จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่คาดว่าอาจจะใช้แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกับ Audi หรือ Porsche โดยเฉพาะปอร์เช่ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ในอีกด้านก็มีข้อมูลว่าจะใช้แพลตฟอร์ม SSP จาก Volkswagen Group เป็นส่วนผสมของส่วนประกอบจากแพลตฟอร์ม PPE และ MEB ซึ่งคาดว่าแบรนด์กระทิงดุอาจจะได้ใช้เป็นแบรนด์แรกในเครือ
แต่ถึงกระนั้นยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง เช่น ตัวถัง ชิ้นส่วน สมรรถนะ เพื่อให้ได้ข้อสรุปดีที่สุดในลำดับต่อไป
Mr. Stephan Winkelmann ให้คำมั่นสัญญาว่า แม้จะเพิ่มขุมพลังใหม่ทั้งขุมพลังไฟฟ้า และระบบไฮบริด ด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์จะให้ลำดับความสำคัญสูงสุดเป็นอันดับแรกไม่แพ้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ควบคู่กับการรักษา DNA ของแบรนด์อย่างเหนียวแน่น แต่เติบโตได้ดีกว่าเดิม
นอกจากนี้ขุมพลัง V12 ใหม่ล่าสุดจะได้รับการประกาศขึ้นภายในปลายปีนี้ ผ่านการเปิดตัวซูเปอร์คาร์คอนเซ็ปต์ ที่จะสะท้อนถึง “ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ และผลิตภัณฑ์อันเป็นสัญลักษณ์ของบริษัท ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน” โปรดติดตามชมกันในเร็ว ๆ นี้
เครดิตข้อมูลจาก motor1.com 1, 2 และ autocar.co.uk
