ความเชื่อ ธรรมทาน อภัยทาน

5 วิธีเพิ่มความสุขให้กับชีวิต ด้วยการฝึก อภัยทาน

อภัยทาน ทานแห่งการให้ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือทุกสิ่ง นั่นคือการปล่อยวาง เข้าใจ และไม่อาฆาต หากคุณรู้ตัวว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน ควรอ่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ :)

Home / ดูดวง / 5 วิธีเพิ่มความสุขให้กับชีวิต ด้วยการฝึก อภัยทาน

อภัยทาน ในทางความเชื่อของพุทธศาสนา มองไว้ว่าได้อานิสงส์มากกว่าการให้ทั้งปวงบนโลกใบนี้ คิดง่ายๆ ก็คือ หากว่าคุณทำทาน บริจาคสิ่งของมากมายเป็นร้อยครั้ง ก็ยังไม่ได้อานิสงส์เท่ากับการ อภัยทาน เพียงครั้งเดียว เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะการโกรธ โมโห หงุดหงิด อาฆาตแค้น ล้วนเป็นความรู้สึกที่มุนษย์ทุกคนมีอยู่ในตัว ถ้าหากว่าก้าวข้ามจุดนี้ได้ คุณจะกลายเป็นคนที่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขอย่างแท้จริง

ในชีวิตประจำวัน คุณสามารถพบเจอเรื่องหงุดหงิดหัวใจได้หลายเรื่องมากมาย เพื่อเข้ามาทดสอบความแข็งแกร่งของสภาพจิตใจคุณ ว่าพร้อมรับมือกับสิ่งเร้าเหล่านี้หรือไม่ วันนี้แม่หมอ แห่ง Horoscope.mthai อยากเขียนแนะนำวิธีหลุดพ้นจากความทุกข์ด้วยการให้ อภัยทาน มาฝากกันค่ะ

1. มองคำนินทาเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ประโยชน์

ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ย่อมมีประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น ยกเว้นแต่คำนินทา เพราะคำนินทา เป็นคำพูดที่เอ่ยออกมาโดยที่เจ้าตัวหรือผู้ถูกนินทา ไม่สามารถรู้ตัวได้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงไม่เกิดประโยชน์อะไรกับทั้งสองฝ่าย คนที่นินทาก็จะกลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น มีนิสัยคอยจับผิดผู้อื่นอยู่ร่ำไป หาความสุขในชีวิตไม่ได้ ส่วนคนที่ถูกนินทาก็ไม่สามารถมีโอกาสได้แก้ตัวหรือปรับปรุงตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้ฟังในสิ่งที่ตัวเองได้ไปขัดใจผู้อื่น ถ้ามองในแง่นี้แล้ว การถูกด่าด้วยถ้อยคำรุนแรงต่อหน้า ยังถือว่ามีประโยชน์มากกว่าเสียที อย่างน้อยๆ จะได้ถือโอกาสปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องได้ทัน

2. ฝึกฝนวันละเล็กน้อย แต่สม่ำเสมอ

เพราะความจริงแล้ว การให้อภัยเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก ยากยิ่งกว่าการลดความอ้วนของสาวๆ เสียอีกนะคะ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนอยู่นาน บางคนอาจใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแปลก เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าช่วงนี้อารมณ์โมโหง่าย จุดเดือดต่ำ แล้วมีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นแสดงว่าคุณกำลังขาดสติ และขาดการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ แม่หมอแนะนำให้ดูละครหรือภาพยนตร์หลากหลายรูปแแบ และศึกษาพฤติกรรมของตัวละคร ในมุมมองของคนภายนอกที่มองเข้ามา เพราะคุณจะไม่มีวันรู้การกระทำของตัวเองได้เลย จนเมื่อเราได้เห็นสิ่งที่เราเคยทำหรือกำลังทำอยู่นั้น ไปปรากฎอยู่ในหน้าจอโทรทัศน์ และเมื่อคุณเห็นตัวละครเหล่านั้น คุณก็จะรู้ตัว พูดเปรียบก็เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นตัวเอง เลือกเอาเองนะคะ ว่าอยากเป็นนางร้าย หรือนางเอก ??

3. ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัยอันควร พยายามอย่าเป็นคนใจร้อน

การให้อภัยทานนั้นถือเป็นการให้ ระดับโลกุตตระ (ในธัมมสังคณี พระอภิธรรมปิฎก ระบุว่า โลกุตรธรรม มี 9 ได้แก่ อริยมรรค 4 อริยผล 4 นิพพาน 1) ซึ่งเป็นการละซึ่งพยาบาท ละกิเลสโทสะได้ จะมีผลหลายประการตั้งแต่รูปร่างหน้าตาผิวพรรณภายนอกจะสดใสอิ่มเอิบมีความสุข สังเกตได้ง่าย จากคนที่มีนิสัยชอบคิดมาก คิดเยอะ จะมีใบหน้าและผิวพรรณที่ไม่สดใส หมองคล้ำ ใครเห็นก็มักจะทักว่าทำไมหน้าตาเธอดูอมทุกข์จังเลย นั่นก็เพราะจิตใจและความคิด หมกมุ่นอยู่กับคำไม่ดี เรื่องไม่ดี

4. เชื่อมั่นในความดีของตัวเอง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนเกิดความทุกข์ เป็นเพราะนำเอาคำพูดของคนอื่นมาเก็บและใส่ใจจนเกินไป ไม่สามารถจะเป็นตัวของตัวเองได้ มัวแต่กังวลว่าจะถูกจับผิด ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน จนตัวคุณเองขาดความมั่นใจที่จะทำดีต่อไป หากคุณมั่นใจว่าจะตั้งใจทำความดี ก็ไม่ต้องไปกลัวสิ่งอื่นหรือคำคน คนอื่นไม่รู้แต่เรารู้ก็เป็นพอ เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอยากอยู่กับคนที่มีจิตใจดี รักษาศีลได้ ดังคำที่ว่า Facts are stubborn things.  ความจริงล้างอย่างไรก็ไม่เลือนหาย

5. มีสติ และรู้จักปล่อยวางให้มากขึ้น

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตรัสไว้ว่า โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน !! โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด….. แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง เป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น

 

รูปประกอบและเรียบเรียงโดย : Horoscope.Mthai.com