หมอดู ศาสตร์แปลกในประเทศไทย
ขึ้นชื่อว่า Thailand Only ย่อมไม่มีใครเหมือนอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ศาสตร์ดูดวงในเมืองไทยมี หมอดู ชื่อดังที่ใช้ ศาสตร์อื่นๆในการทำนายดวง ที่ไม่เหมือนศาสตร์ทั่วไปที่เราคุ้นเคย แม่หมอ แห่ง Horoscope.mthai.com เลยรวบรวม 10 หมอดู ศาสตร์แปลก มาฝากกันค่ะ เผื่อจะสนใจเป็นอีกตัวเลือกใหม่ในการดูดวง
1. ดูดวงจาก รูเล็ต
โดย “หมอ เอื้อ อัครเทพ” หมอดู รูเล็ตผ่าดวง หนึ่งเดียวในโลก ใช้เวลาศึกษาคิดค้นศาสตร์ดูดวงด้วยรูเล็ตกว่า 10 ปี เป็นการนำเอา 4 ศาสตร์ แห่งการหยั่งรู้ ทั้งตะวันตก และ ตะวันออก มารวมกันและปรับใช้ เข้าหากันอย่างลงตัว 4 ศาสตร์ จำแนก ชะตา ชีวิต ทั้ง 4 แขนง ได้แก่ 1.)การพยากรณ์ที่อาศัยจักรวาลและดวงดาวในการทำนาย เช่น โหราศาสตร์ หัวใจของดวงดาว 2.)การพยากรณ์โดยอาศัย วิธีการอธิฐานศาสตร์ เช่น เซียมซี หัวใจของเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3.)การอาศัย ร่างกายในการทำนาย เช่น โหงวเฮ้ง ลายมือ หัวใจของฟ้า 4.)การพยากรณ์ที่อาศัย พลังจิต เช่น การนั้งทางใน หัวใจของสวรรค์ เมื่อนำทั้ง 4 ศาสตร์มารวมกัน ได้เป็นเป็นศาสตร์ใหม่ ผสมผสานอย่างลงตัว
โดยให้ผู้รับคำทำนาย อธิฐาน ในสิ่งที่อยากรู้ แล้วหมุนวงล้อรูเล็ตและปล่อยลูกบอลให้วิ่งไปบนวงล้อนั้น ลูกบอลจะตกลงไปอยู่ในช่องใดช่องหนึ่ง ซึ่งทุกช่อง ทุกเลขมีความหมาย เป็นรหัสลับจากสวรรค์ รหัสลับแห่งชีวิต เป็นสัญญลักษณ์ของดวงดาวทางโหราศาสตร์ และเลขศาสตร์ (Numerology) สามารถบอกได้ ทั้งเคระห์กรรมดีและไม่ดี ทั้งบุญและบาปของบุคคลนั้น
2.”ศาสตร์ไพ่มาจอง”
หรือไพ่นกกระจอกของนักโหรา “ฮั่น มาจอง” ที่ผันตัวเองจากอินทีเรียมือดี มาเป็นนักทำนายดวงอาชีพเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา ฮั่น มาจอง อธิบายศาสตร์การดูดวงของตัวเองให้ฟังว่า การดูไพ่ของเขานั้นมีรากมาจากสังคมเกษตรกรรม อิงกับปรัชญาจีนโบราณ แล้วผนวกกับความรู้ด้านอื่นๆ ของจีน ผ่านตัวไพ่ 144 ตัว พร้อมด้วยกระดานนภา 13 ตำแหน่ง จึงต่อยอดการตอบโจทย์ของผู้มาทำนายได้หลากหลาย ประมาณว่าอยากรู้อะไรก็บอกได้ และให้รายละเอียดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
การดูดวงทั่วไปแบบวันเดือนปีเกิดจะให้แต่พื้นดวงว่าใครวาสนาจะเป็นอย่างไร แต่ตัวไพ่มาจองจะให้รายละเอียดในเรื่องของคำตอบ แบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ดวงชะตาตัวเอง สิ่งกำลังเกิดขึ้น การตอบโจทย์ปัญหา และบทสรุปของการแก้ปัญหา และมีความเชื่อของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจีนเข้ามาด้วย อย่างไรก็ตาม ผมนิยมดูอนาคตมากกว่าอดีต ส่วนความแม่นยำของการทำนายก็อยู่ที่ราวๆ 70% ขึ้นไป
3.หมอดู สเก็ตซ์กรรม
โด่งดังและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดในช่วงนี้ หลังจากที่ได้มาออกรายการวูดดี้เกิดมาคุยถึงหลายครั้ง สำหรับ “หมอเก่ง สเก็ตซ์กรรม” กับเรื่องราวและความสามารถของเขา ที่ไม่เหมือนคนอื่น ด้วยการวาดภาพวิญญาณที่กำลังรังควาน และ รับรู้ได้ว่าวิญญาณเหล่านี้นั้นเป็นใคร และเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่มีชีวิตอยู่ หมอเก่ง ได้เล่าว่าเคยเฉียดตายมาแล้วตอนอายุ 9 ขวบ และด้วยการจมน้ำและฟื้นขึ้นมาพร้อมกับมีเหรียญหลวงพ่อบ้านแหลมติดมาด้วยนั้นเอง ซึ่งพ่อของหมอเก่งเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อช่วยชีวิตหมอเก่งเอาไว้
และหลังจากนั้น หมอเก่งก็ได้ไปบวชและก็พบเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับดวงวิญญาณไม่ว่าจะเป็น ผี คนตาย และ เจ้ากรรมนายเวร จากที่เห็นเพียงเลือนลางมาเป็นภาพขาวดำ จนเห็นชัดเป็นสี จนสามารถสเก็ตซ์ออกมาเป็นภาพได้อย่างชัดเจน และก็ยังสามารถรับรู้ได้อีกด้วยว่า เป็นใครมาจากไหน แล้วเป็นอะไรตาย และต้องการอะไร รวมไปถึงคนที่มีปัญหาในชีวิต ชีวิตไม่ราบรื่น ทำไมไม่รวยสักที ซึ่งหมอเก่งก็สามารถสเก็ตซ์และบอกได้ว่าเพราะอะไร?
4.หมอดูหลังมือ
เคยแต่หงายมือให้หมอดู มาครั้งนี้คว่ำมือให้ “อ.คงชลัฐ สว่างเรือง”ทาย ซึ่งบอกตรงๆ ว่า อึ้ง ทึ่ง เสียว เพราะ 80-90% ถูกต้อง หลักการทายหลังมือมีเส้นชีวิต เส้นการงาน เส้นกำเนิด เส้นการเงิน และเส้นอารมณ์ หลายเส้นที่คล้ายกับการดูฝ่ามือด้านใน เช่น ถ้าเส้นชีวิตขึ้นซ้อนกันจะเก็บเงินอยู่และร่ำรวย แต่ถ้าเส้นถ่างออกกว้างจะเก็บเงินไม่อยู่ บางคนมีเส้นนี้ชัดจะร่ำรวยมาก
หลังมือดูได้ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต และดีกว่าหน้ามือตรงที่ให้คำทำนายชัดเจนได้เป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องโรคภัย ไข้เจ็บ เรื่องโรค เรื่องเคราะห์จะแม่น สีของเล็บก็ใช้ดูประกอบด้วย สีเล็บของแต่ละนิ้วหมายถึงจุดต่างๆ ในร่างกาย จะบ่งบอกถึงอาการและชนิดของโรคที่เจ้าของมือเป็น หลายครั้งที่เส้นมรณะขึ้น อาจารย์บอกว่าดูแล้วไม่เคยพลาด คนที่มีเส้นนี้ขึ้นมักต้องเสียชีวิตภายใน 2 สัปดาห์ เส้นหลังมือนี้ไม่เปลี่ยน ไม่ลด มีแต่จะเพิ่มขึ้น การต่อของเส้น หรือการประของเส้นมีความหมายในทางพยากรณ์ทั้งสิ้น ที่สำคัญต้องขอบอกว่าแม่นยำเหนือความคาดหมายจริงๆ!!
5.โหรกีตาร์
“กฤษณะ วงศ์นาวัฒน์” เป็นที่รู้จักกันดีเมื่อเขาออกรายการโทรทัศน์และได้รับการสัมภาษณ์ลงหนังสือมากมายหลายฉบับ นักดนตรีที่มาพร้อมกับกีตาร์คู่ใจ โดยจะให้ลูกค้าเลือกคอร์ดเองว่าชอบคอร์ดไหนเป็นพิเศษ และถ้าระดับตัวโน้ตแตกต่างกันไป ก็จะทำให้พลังงานที่ออกมานั้นแตกต่างกันด้วย
กล่าวคือกีตาร์นั้นสามารถแยกเสียงได้เป็น 21 เสียง เท่ากับ 21 ประเภทบุคคล มีคอร์ดพิเศษอีก 8 คอร์ด รวมทั้งหมดเป็น 29 คอร์ด เมื่อรวมทุกรายละเอียดของคอร์ดแล้วก็จะเสมือนว่าเท่ากับหนึ่งภพภูมิ คือจักรวาลของโลกเราพอดี และเมื่อเราเลือกคอร์ดแล้ว หมอกฤษณะจะเล่นกีตาร์ด้วยคอร์ดที่เลือกอย่างไพเราะเพราะพริ้งสมกับเป็นนัก ดนตรีเก่า พร้อมกับบอกคำทำนาย
6.สัมผัสจิตผ่านใบไม้
ได้ยินไม่ผิด! ใบไม้บอกชะตาชีวิตหรือพื้นฐานชีวิตของทุกคนได้ ต้นไม้เป็นเหมือนชีวิตเรามากที่สุด เพราะมีเกิด เติบโต เติบใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขา ออกดอกออกผล แม้แต่การหายใจก็ยังต้องใช้ออกซิเจน
“สุมาลี อาแวกะจิ” หรือชื่อที่เธอขอให้ทุกคนเรียกคือ พี่บิ๋ม ชาวปราจีนบุรีวัย 47 ปี สืบทอดศาสตร์การดูใบไม้มาจากคุณพ่อ เธอบอกว่าวิชานี้ไม่มีการเรียนการสอนที่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาก็จะดูได้เอง และจะสืบทอดไปถึงรุ่นลูก ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นลูกคนไหน วิธีดูใบไม้ของพี่บิ๋มคือ ให้เลือกใบไม้ไปให้พี่บิ๋มดูคนละใบ นั่งเผชิญหน้ากัน แล้วสัมผัสจิตผ่านใบไม้ เธอจะบอกเรื่องราวและตอบข้อข้องใจแก่ผู้ดูได้ไม่มีที่สิ้นสุด จะคุยสั้นคุยยาวแค่ไหนขึ้นอยู่กับแต่ละคน ที่พิเศษคือมีการติดตามผล โดยจะซักถามภายหลังว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไร สุดยอดจริงๆค่ะ
7.ไพ่ไทย
ไพ่ไทยชุดแรกของไทยและของโลก อันเกิดจากการศึกษาเรียนรู้และสั่งสมการทำนายของโหราศาสตร์ทุกแขนงเพื่อถ่าย ทอดเป็นรูปภาพลงในรูปไพ่ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดย อ.พรหมญาณ รัตนญาณพิโมกขิ์ นำเอาประวัติเทพเทวดาและเรื่องราวของตัวละครในวรรณคดีและนิทานพื้น บ้านของไทยมาใช้ในการอธิบายบนหน้าไพ่ เช่น ขุนแผนกับนางพิมพิลาไลย นางเบญจกัลยาณี ไกรทองปราบชาละวัน พระรามกับนางสีดา พระอภัยมณีกับนางผีเสื้อสมุทร และพระพรหมฤๅษี ฯลฯ นอกจากนั้นแล้วยังมีไพ่อีกสองใบที่จะไม่นำมาสับรวมในสำรับเด็ดขาด นั่นก็คือพระพรหม และพญาพิเภก ซึ่งถือว่าเป็นไพ่ครู ใช้สำหรับการวางเป็นตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้การดูไพ่แม่นยำและถูกต้องมากยิ่งขึ้น
จุดเด่นของไพ่พรหมญาณอยู่ที่ความง่าย เพราะเมื่อดูภาพแล้วจะสามารถเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง เพราะทุกอย่างที่อยู่บนหน้าไพ่นั้นผูกพันกับเราคนไทยมานานแสนนานแล้ว ไม่แปลกที่เมื่อพลิกไพ่ขึ้นมาคุณจะทั้งตื่นเต้น สนุกสนานและเพลิดเพลิน รวมทั้งเข้าใจอารมณ์ของไพ่เป็นอย่างดี เหมือนกับว่ากำลังอ่านวรรณคดีไทยฉบับรีมิกซ์อยู่เลยทีเดียว
8.หมอดูลายเท้า
วิชาดูลายเท้าเป็นของศาสนาอิสลาม ในวัยเด็กครอบครัวของ อ.พิศมัย ทรัพย์สุคนธ์ นับถือศาสนาอิสลาม และเรียนวิชาดูลายเท้าตั้งแต่อายุ 8 ปี เรียนจบตอนอายุ 16 และเริ่มดูหมอนับแต่นั้นมา 60 ปี ผ่านไป ศาสตร์การดูลายเท้าทำให้เธอโด่งดังมากขึ้น ทั้งออกรายการโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ และชื่อเสียงก็แพร่หลายไปยังนานาประเทศ
การดูลายเท้าไม่ใช่ว่าใครจะดูจะศึกษาก็ได้ แต่ศาสตร์จะเป็นผู้เลือกคนที่จะเป็นหมอดูเอง อ.พิศมัยพูดถึงตัวเองว่า เป็นลูกชาวนาชาวไร่ แต่ฝ่าเท้านิ่ม มีลายเท้าไม่เหมือนใคร อ.พิศมัย สามารถดูลายเท้าไม่ถึง 5 วินาที ก็สามารถเล่าเรื่องราวชีวิตของคนคนนั้นได้เป็นฉากๆ การดูลายเท้าก็เหมือนการดูลายมือ เส้นไม่เปลี่ยนแต่อาจจะมีเพิ่มขึ้น อ.พิศมัยแอบเผยความลับลายเท้าให้เรารู้ว่า ถ้าใครมีเส้นกากบาทขึ้นที่บริเวณนิ้วโป้งเท้า นั่นหมายความว่าดวงถึงฆาต! แต่เธอสามารถบอกวิธีต่ออายุได้ จะจริงเท็จอย่างไรคงต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง
9.ศาสตร์แห่งครัสตัล
“กามล แสงวงศ์” เอ่ยว่าศาสตร์การดูดวงแขนงนี้เขาเป็นเจ้าตำรับคิดขึ้นมาเอง โดยดัดแปลงตกผลึกจากศาสตร์พยากรณ์โหราศาสตร์สากล ดวงดาว ไพ่ยิปซี และเลขศาสตร์ และใช้คริสตัล 5 สี ได้แก่ สีแดง สีขาว สีน้ำตาล สีฟ้า และสีฟ้าอมเขียว เป็นตัวแทนธาตุไฟ, ดิน, น้ำ, ลม และไม้ จำนวน 100 เม็ด เป็นตัวกลางในการสื่อสาร โดยไม่ต้องใช้วันเดือนปีเกิดหรือเวลาตกฟากมาคำนวณ
ส่วนวิธีการดูก็ไม่ยุ่งยาก นักพยากรณ์กามล บอกว่า แค่หยิบเม็ดคริสตัลขึ้นมาตามใจที่อยากจะหยิบ แล้วเอามาวางไว้บนผ้า จากนั้นเขาก็จะเริ่มทำนาย (ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าแค่วิธีการแค่นี้ แต่ความแม่นยำนั้นเข้าขั้น 85-90% ทีเดียวนะจ๊ะ)
“สิ่งที่หยิบออกมาก็คือแบบจำลองในชีวิตหรือจุดกำเนิดในชีวิตของคุณ เมื่อได้สัมผัสพลังชีวิตที่คริสตัลดูดซับไว้ ผมก็จะสามารถแนะนำให้รู้ว่าชีวิตของคุณนั้นมีศักยภาพอะไรบ้าง และตัวคุณเองจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับศักยภาพที่มีได้มากน้อยเพื่อต่อยอด ได้ขนาดไหน ทั้งนี้ เพราะศาสตร์แห่งคริสตัลไม่ใช่การทำนายในเชิงโหราแบบลิขิตชะตา ทว่า จะเน้นการให้คำแนะนำตามความเป็นตัวตน ดูจุดดี จุดเด่น และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยค่ะ
10.ศาสตร์หมากรุกจีน
ขณะที่ “ศาสตร์หมากรุกจีน” ที่เคยรุ่งเรืองเมื่อ 6,000 ปีก่อน และซบเซาในอีก 1,000 ปีให้หลัง จนเริ่มมาบูมอีกครั้งในปัจจุบัน ก็เป็นอีกหนึ่งการดูหมอที่ไม่ใคร่จะได้พบเจอได้ทั่วไป (ยกเว้นย่านเยาวราช) คงมีแต่ “นริศ สหชาติศิริ” นักพยากรณ์วัย 64 ปีที่ยังคงทำนายได้ และอายุงานกว่า 30 ปีก็เป็นเครื่องการันตีความเก๋าในด้านความแม่นยำได้เป็นอย่างดี โดยใช้พื้นฐานศาสตร์มาจากปฏิทินชาวนา และปราชญ์จีนมารวบรวมเป็นตำรา
ความพิเศษของการดูดวงด้วยศาสตร์ดังกล่าวคือ จะแม่นเรื่องหาฤกษ์ยามมาก โดยเฉพาะฤกษ์ดีอย่างฤกษ์แต่งงาน ผ่านการใช้สัญลักษณ์ของดิน, น้ำ, ไฟ, ทอง และเทวดาประจำตัว ซึ่งทั้งหมดจะคำนวณจากวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟาก แล้วค่อยๆ วางหมากรุกจากตัวหมาก 22 ตัว แบ่งเป็นหมากนภา 10 ตัว และหมากปฐพี 12 ตัว ลงใน 8 ช่อง 4 แถว ที่จะระบุให้รู้ถึงระดับวาสนา อาชีพสังคม เนื้อคู่ ความร่ำรวย สังขาร อาการเจ็บป่วย ชื่อเสียง ความหวัง คุณธรรม และจะดียิ่งขึ้นหากทำนายพร้อมกันเป็นคู่สามี-ภรรยา เพราะจะได้รู้ว่าใครหนุนใคร ขาดตกบกพร่องตรงไหน เทวดาประจำตัวให้คุณให้โทษอย่างไร หลบเลี่ยงหรือแก้เคล็ดได้หรือไม่
เรียบเรียงโดย : Horoscope.mthai.com