บางคนอาจเคยมีปัญหาว่าอยาก ดูดวง หมอดู แต่ไม่รู้ต้องทำอย่างไร ต้องเตรียมตัวหรือเปล่า ต้องถามอะไรบ้าง เรื่องอย่างนี้อาจเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับนักดูดวงมืออาชีพ แต่สำหรับมือใหม่หัดดูเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว เรามีข้อแนะนำมาบอกครับ สำหรับแนวทางสำหรับการดูดวงอย่างมืออาชีพ
ขั้นที่หนึ่ง วันเดือนปีเกิด และเวลาเกิด ในกรณีที่เราไม่รู้วันและเวลาเกิดเลย ก็คงต้องเลือกดูประเภทไพ่ยิบซี ลายมือ โหว้งเฮ้ง เพราะสามารถพยากรณ์ได้โดยไม่ต้องใช้วันและเวลาเกิดเลย (อย่างไรก็ตามถ้าเรารู้วันเดือนปีเกิด หรืออย่างน้อยอายุของเรา นักพยากรณ์ศาสตร์ประเภทนี้ก็สามารถพยากรณ์ได้แม่นยำมากขึ้น) ซึ่งผมแนะนำว่าให้แปลงวันและเวลาเกิดเข้ามาอยู่ในระบบสากลเสียก่อน และก็ต้องบอกหมอดูว่าเราอ้างอิงตามหลักสากลนะ เพื่อป้องกันการสับสนทั้งเราและหมอดู เพราะโหราศาสตร์มีหลายแขนง ซึ่งใช้ปฏิทินแบบสุริยคติ (เช่นเดียวกับปฏิทินที่เราใช้ในปัจจุบัน) และจันทรคติ (เช่น ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 ปีขาล)
หาเวลาเกิดที่ใกล้เคียงที่สุด พร้อมระบุแหล่งที่มา เพื่อเป็นข้อมูลประกอบสำหรับหมอดูว่ามีความน่าเชื่อถือได้แค่ไหน ขอย้ำว่าให้แปลงเป็นเวลาสากลเสียก่อนนะครับ เพราะหมอดูบางคนอาจจะไม่ทราบข้อมูล หรือวิธีการแปลง เช่น เวลาเป็น “โมงยาม” ของไทย หรือเวลาเป็น “ซี่” ของจีน รวมถึงเวลาที่ครอบครัวเท่านั้นที่รู้ เช่น ตอนรถไฟกำลังผ่านหน้าบ้านพอดี พ่อพาวัวไปกินหญ้า หรือ แม่กำลังนั่งเล่นไพ่แล้วปวดท้องขึ้นมา ฯลฯ
ขั้นที่สอง การเลือกหมอดู หลังจากทดลอง ทดสอบมาหลายศาสตร์ พบปะพูดคุยกับ หมอดู มาก็มาก ตั้งแต่ระดับสุดยอด โหราจารย์ ยันนักเรียนใหม่หัดทาย สุดท้ายผมก็พบว่าจริงๆแล้วศาสตร์การพยากรณ์ทุกแขนงให้ความแม่นยำเที่ยงตรงในการพยากรณ์แทบทั้งสิ้น ความแม่นยำนั้นขึ้นอยู่กับหมอดู ว่าจะเก่งและเชี่ยวชาญเพียงไหน ดังนั้นเราไม่ต้องไปเชื่อคำโฆษณาว่า ศาสตร์นี้แม่นที่สุด แบบนั้นไม่แม่น แบบนี้แม่นกว่า เราเลือกหมอดู ศาสตร์ไหนก็ได้ ให้ถูกกับจริตเรา คือ เราชอบ เท่านั้นพอ
ในปัจจุบันเราสามารถหาข้อมูลสถานที่ติดต่อ และเบอร์โทรศัพท์ของหมอดูได้ไม่ยาก ทั้งจากเวปไซต์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สถานที่ประจำที่เรารู้จักกันทั่วไป เช่น ท่าพระจันทร์ วัด สมาคมที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ทั่วไป รวมถึง AudioText 1900 แต่วิธีการที่ผมแนะนำมากที่สุด คือการให้ลองสอบถามจากเพื่อน หรือคนรู้จักว่าประทับใจ หมอดู ท่านไหนบ้าง เพื่อเราสามารถตรวจสอบลักษณะเบื้องต้นของ หมอดู ได้ ว่าเราถูกใจหรือไม่
ผมพอจะสรุปลักษณะของ หมอดู ที่ดี ได้ดังนี้ ใช้หลักในพยากรณ์ทำนายจริงๆ ไม่ใช่เป็นอวดอ้างอิทธิฤทธิ์หรือปาฏิหาริย์ มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการพยากรณ์ มากน้อยขึ้นอยู่กับระดับความสำคัญของเรื่องที่ต้องการปรึกษา การใช้ภาษาทั่วไปที่เข้าใจง่าย ไม่พูดศัพท์เทคนิคจนเราฟังไม่รู้เรื่อง งง และสับสน ไม่เป็นคนตัดสินหรือกำหนดชะตาชีวิต หรือทางเลือกให้เรา แต่เป็นผู้ให้ข้อมูลเหตุการณ์ หรือแนวโน้มของเหตุการณ์ในอนาคตที่เราจะเผชิญพร้อมให้เราสอบถามเพิ่มเติมได้ตามสมควร ไม่เรื่องมาก หรือหงุดหงิดใส่เรา และสุดท้าย อัตราค่าบริการสมเหตุสมผล เหมาะสมกับฐานะ และความพึงพอใจของเรา
ขั้นที่สาม ถามอะไรดี ผมรวบรวมคำถามทั่วไปยอดฮิตในการ ดูดวง มาให้ เพื่อเป็นแนวทางในการถามของไว้ตามหมวดหมู่ดังนี้
ธุรกิจ และการเงิน จะรวยไหม สามารถขอกู้ หรือหาหุ้นส่วนได้ไหม ธุรกิจจะมีปัญหาการเงินหรือไม่ ช่วงไหนเหมาะสมในการขยายธุรกิจ ธุรกิจไหนเหมาะสมกับดวงชะตา ลูกหนี้จะเบี้ยวไหม เก็บหนี้ได้หรือเปล่า ซื้อ/ขาย ที่ดิน หรือสินทรัพย์ได้ไหม
การงานและอาชีพ ทำอะไรรวย งานที่เหมาะสมกับดวงชะตา เปลี่ยนงานได้ไหม เปลี่ยนแล้วดีไหม ได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อไร
การศึกษา เข้าเรียนต่อได้ไหม เรียนคณะไหนดี มีเกณฑ์เรียนต่างประเทศไหม ได้ทุนเรียนหรือเปล่า
ครอบครัว เมื่อไรมีลูกหรือความสามารถในการมีลูก ปัญหาภายในครอบครัวหรือในเครือญาติ ทรัพย์สมบัติหรือมรดก
ความรัก และการแต่งงาน เมื่อไรจะมีแฟน เมื่อไรแต่งงาน แนวโน้มความรักในปัจจุบัน ลักษณะแฟน หรือเนื้อคู่ ปัญหาหรือประเด็นสำคัญในชีวิตคู่
สุขภาพ สุขภาพทั่วไป ต้องระวังอะไรบ้าง มีเกณฑ์การผ่าตัด หรืออุบัติเหตุ
ทั่วไป เกณฑ์ท่องเที่ยว หรือการเดินทางไกล
ขั้นที่สี่ การให้ข้อมูล และสอบถามระหว่างการพยากรณ์ ในการพยากรณ์ หมอดู มักจะเริ่มต้นจากการทำนายพื้นดวงชะตาของเรา พร้อมทั้งสอบถามข้อมูลว่าถูกต้องหรือไม่ เราควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแก่ หมอดู เมื่อถูกสอบถาม ไม่ตอบแบบอ้อม หรือไม่ตรงประเด็น เพราะ หมอดู จะสอบเทียบดูปัจจัยในดวงชะตา กับการดำเนินชีวิตของเรา ว่าปัจจัยอะไรส่งผลสำคัญต่อเจ้าชะตา ดังนั้นข้อมูลที่ถูกต้องมีความสำคัญมาก ทำให้การพยากรณ์นั้นแม่นยำมากขึ้น
เนื่องจากความหมายในการพยากรณ์นั้น จะอยู่ในภาษาของสัญลักษณ์ หรือ ปรัชญา ซึ่งสามารถตีความ หรือสื่อความหมายได้หลายรูปแบบ ดังนั้นเมื่อ หมอดู ออกคำพยากรณ์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราก็ควรให้ข้อมูลตามสถานการณ์จริงในปัจจุบันประกอบ หมอดู จะสามารถถอดความหมายในการพยากรณ์นั้นให้สอดคล้องกับเหตุการณ์จริงในปัจจุบันมากขึ้น และเราควรสอบถามกับ หมอดู เพิ่มเติมว่านอกจากเรื่องที่บอกมาแล้วนั้นสามารถเป็นเรื่องใด หรือเหตุการณ์ลักษณะใดได้อีก
ขั้นที่ห้า การจดบันทึก หรือการบันทึกเทป การจดบันทึกสามารถทำได้อยู่แล้ว ปัจจุบันกลายเป็นมาตรฐานไปแล้ว เพราะเห็นบางที่มีบริการทั้งกระดาษ ปากกา ดินสอ ลูกค้าแทบไม่ต้องเตรียมอะไรมาเลย
การบันทึกให้แบ่งเป็นหัวเรื่องไว้ให้เข้าใจง่าย เช่น พื้นดวง คำทำนาย 3 เดือน คำทำนายในปีนี้ คำทำนายในปีหน้า เป็นต้น ควรจดบันทึกเฉพาะประเด็นสำคัญ พร้อมรายละเอียดหลักพอประมาณ ไม่จำเป็นต้องจดทุกคำก็ได้ เพราะเมื่อ หมอดู เริ่มพยากรณ์ ผมไม่แนะนำให้ขัดจังหวะ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติมก็ควรรอให้จบประเด็นนั้นเสียก่อน
ส่วนเรื่องการบันทึกเทป ปกติไม่ได้มีกฎกติกาหรือข้อห้ามแต่ประการใด แต่เพื่อป้องกันปัญหา หรือข้อพิพาทใดๆ ที่อาจจะเกิดได้ เราควรสอบถามกับหมอดูเสียก่อนว่าสามารถบันทึกเทปได้หรือไม่
ขั้นที่หก เราคือผู้ตัดสินใจ สุดท้าย ผมขอย้ำว่าหมอดูไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะสามารถล่วงรู้ทุกเรื่อง สิ่งที่หมอดูทำ คือ ให้การปรึกษาแก่เราเรื่องแนวโน้มชีวิตในอนาคตของเรา จากการแปลภาษาของดาว หรือสัญลักษณ์ที่ใช้ในการพยากรณ์ ตามช่วงเวลาที่เราประสงค์หรือสนใจ ให้อยู่ในรูปแบบภาษามนุษย์