หลังจากผ่านปีใหม่ อีกหนึ่งเทศกาลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีหัวใจรักล้นเปี่ยมก็เห็นจะหนีไม่พ้น เทศกาล วาเลนไทน์ ครับ แต่จะมีซะกี่คนที่รู้ว่าตำนานที่มาของวัน วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก มาได้อย่างไร Horoscope.Mthai.com มีคำตอบมาฝาก
สำหรับความเป็นมาของ วัน วาเลนไทน์ นั้นหลายคนคงจะทราบกันแล้วว่ามีที่มาจาก เซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ความรัก และความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง แต่สุดท้ายเขาต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หรือ เมื่อประมาณ 1,728 ปีล่วงเลยมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคสมัยของจักรวรรดิโรมันที่ศาสนาคริสต์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ก็ยังมีอีกหลากหลายประวัติที่เรายังไม่เคยรู้ ลองมาดูกันว่ามีอะไรหรือข้อเท็จจริงที่เราควรทราบกันบ้างเผื่อจะรักกันมากขึ้นกว่าเดิม
ประวัติวัน วาเลนไทน์ กำเนิดวัน วาเลนไทน์ เทศกาล วาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุด เพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโน่ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน และในวันถัดมา คือ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม มีขนบธรรมเนียมอย่างหนึ่งของชายหนุ่มก็คือ การจับฉลาก ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก่อนที่จะเริ่มต้นเทศกาลลูเพอร์คาร์เลีย ชื่อของเด็กสาวจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษและใส่ลงในไห ชายหนุ่มแต่ละคนจะจับฉลากเพื่อเลือกคู่ในเทศกาลเฉลิมฉลองนี้ บ่อยครั้งที่หนุ่มสาวต่างถูกใจกัน และแต่งงานกันในเวลาต่อมา
วาเลนไทน์ (Valentine) คือวันที่ระลึกถึง นักบุญเซนต์ วาเลนไทน์ (Saint Valentine) ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ความรัก และความปรารถนาดี ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง แต่สุดท้ายเขาต้องจบชีวิตลงด้วยการรับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หรือเมื่อประมาณ 1,728 ปีล่วงเลยมาแล้ว ซึ่งเป็นยุคสมัยของจักรวรรดิโรมันที่ศาสนาคริสต์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ
ซํ้าร้ายภายใต้การปกครองของกษัตริย์ “คลอดิอุสที่ 2″ ผู้ออกกฎหมายบีบบังคับให้ประชาชนเลิกนับถือ และห้ามให้มีแต่งงานของพวกคริสเตียนเกิดขึ้น แต่ยังคงมีผู้นำคริสเตียนคนหนึ่งชื่อ วาเลนตินัส หรือที่ได้รับการยกย่องเป็น เซนต์ วาเลนไทน์ ในภายหลัง คอยลักลอบแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษทรมานแสนสาหัสอยู่ในคุก
ขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอด ซึ่งเธอเป็นลูกสาวของผู้คุมในคุก ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์คลอดิอุสที่ 2 พระองค์จึงสั่งให้ลงโทษ วาเลนตินัส ด้วยการโบยและนำไปประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ในคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกนำไปประหารนั้น ได้เขียนจดหมายสั้นๆ เป็นการอำลาส่งไปให้หญิงคนรักของเขา โดยลงท้ายในจดหมายว่า จาก วาเลนไทน์ ของเธอ (Love From Your Valentine)
ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจในความรักของเขา ยึดถือเอาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น “วันแห่งความรัก Saint Valentine’s Day หรือ Valentine’s Day และได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป อเมริกา รวมทั้งในทวีปเอเชียด้วย
LOVE หรือ คำว่า รัก
L ตัวแรก น่าจะหมายถึง Lake of sorrow ทะเลสาบแห่งความเศร้าโศก
O ตัวที่สอง น่าจะหมายถึง Ocean of tear ห้วงทะเลแห่งน้ำตา
V ตัวที่สาม น่าจะหมายถึง Va-gen of death หุบเขาแห่งความตาย
E ตัวที่สี่ น่าจะหมายถึง End of life จุดจบของชีวิต
ถ้าหากความรักมีความหมายตามแบบการผสมอักษรดัง 4 ตัวข้างต้นนั้น ความรักจะเป็นสิ่งสวยงามได้จริงหรือ เพราะความหมายของคำว่า LOVE นั้นก็บอกอยู่ว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งสวยงามเลยซักเท่าใด แต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่เราปรารถนาดีและอยากให้เขามีความสุข ไม่ว่ารักแบบไหนก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากมีไม่ใช่หรือครับ อย่างไรก็ขอให้ทุกคนมีความรักที่สุขสมหวังและรักกันตลอดไปทุกวันไม่เฉพาะวัน วาเลนไทน์ วันเดียวครับ