aomMONEY TarKawin กรุงศรี มนุษย์เงินเดือน

ไขเคล็ดลับ ‘มนุษย์เงินเดือนก็รวยได้…ด้วยการลงทุน’ กับ TarKawin กูรูการเงินชื่อดัง

“เป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดา แบบนี้เมื่อไรจะรวย?”  “ฝันอยากมีเงินก้อน เกษียณเร็ว เกษียณรวย ต้องทำยังไง?” เชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนหลายคน คงตั้งคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ วันนี้ เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก! เมื่อเร็ว ๆ…

Home / NEWS / ไขเคล็ดลับ ‘มนุษย์เงินเดือนก็รวยได้…ด้วยการลงทุน’ กับ TarKawin กูรูการเงินชื่อดัง

“เป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดา แบบนี้เมื่อไรจะรวย?”  “ฝันอยากมีเงินก้อน เกษียณเร็ว เกษียณรวย ต้องทำยังไง?” เชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนหลายคน คงตั้งคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ วันนี้ เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก!

เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ได้จัดงานสัมมนา “More Money Talk : การลงทุนของมนุษย์เงินเดือนยุคใหม่” กับ ‘ต้าร์- กวิน สุวรรณตระกูล’ กูรูจาก aomMONEY และบล็อกเกอร์การเงินเจ้าของเพจ TarKawin และเว็บไซต์ Tarkawin.com มาให้ความรู้ทางการเงินแก่พนักงาน ตามโครงการ “ฉลาดคิด ฉลาดใช้” โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ที่ถูกต้อง และเหมาะสมเกี่ยวกับการบริหารการเงิน

ในงานสัมมนาดังกล่าว ‘ต้าร์- กวิน สุวรรณตระกูล’ ได้แนะนำวิธีการลงทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือนเพื่อวางแผนเกษียณและสร้างความมั่งคั่งด้วยเคล็ดลับง่ายๆ 5 ข้อ

1. ใช้ข้อได้เปรียบของการเป็นมนุษย์เงินเดือน เพื่อวางแผนการเงินให้เหมาะกับเป้าหมายของตัวเอง อาชีพมนุษย์เงินเดือนมีข้อได้เปรียบที่มีรายได้แน่นอนทุกเดือน อีกทั้งยังทราบช่วงเวลาที่จะมีรายได้ประจำ ซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 33-40 ปี ทำให้สามารถกำหนดจำนวนเงินเพื่อการออม และวางแผนการลงทุนได้อย่างเป็นระบบ ด้วยการเลือกแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน

2. ควรลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกเดือนเพื่อสร้างวินัยการออม ควรกำหนดเป้าหมายในการลงทุนให้ชัดเจน จากนั้น แบ่งเงินลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กันในทุกๆ เดือน สะสมไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยสร้างวินัยการออมแล้ว ยังทำให้วางแผนการลงทุนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะทราบระยะเวลาในการลงทุนที่แน่นอน หากเริ่มออมได้ไวกว่า และรู้จักเลือกวิธีการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม โอกาสที่จะสานฝันให้เกษียณเร็ว เกษียณรวย ก็อยู่ไม่ไกล

3. วางแผนลงทุนอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างความมั่งคั่ง การเก็บเงินด้วยการฝากธนาคารเพียงอย่างเดียวไม่อาจสร้างความมั่งคั่งได้ เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมักเติบโตสวนทางกับอัตราเงินเฟ้อ สำหรับคนที่อยากสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเอง แนะนำให้วางแผนการลงทุนด้วย ‘กลไก 3 พลัง’ ได้แก่ เงินออม x ระยะเวลา x ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ โดยใช้วิธีแบ่งเงินออมมาลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยเลือกลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการและความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้

ปัจจุบันมีประเภททรัพย์สินให้เลือกลงทุนมากมายเรียงจากความเสี่ยงต่ำไปความเสี่ยงสูง เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้  ตราสารทุน อนุพันธ์ เป็นต้น ทั้งนี้ จากสถิติอ้างอิงของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการลงทุนช่วยสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้จริง โดยผลตอบแทนหุ้นไทยย้อนหลัง 10 ปี (พ.ศ. 2551-2560) อยู่ที่ 11.61% ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล 5.15%, ทองคำ 4.50% และเงินฝากประจำ 1 ปี 1.73% ดังนั้น ยิ่งลงทุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานก็ยิ่งเข้าใกล้ความมั่งคั่งได้มากขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่าการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง จึงต้องรู้จักวางแผนการลงทุนโดยกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมด้วย

 4. วางแผนรวยด้วย ‘กองทุนรวม’ ทางเลือกการลงทุนที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน กองทุนรวมเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยที่มีข้อจำกัดต่างๆ กรณีมีทุนทรัพย์จำกัดหรือไม่มีประสบการณ์ในการลงทุน เพราะมีข้อดีมากมาย เช่น กองทุนรวมบริหารโดยมืออาชีพที่เรียกว่า “บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)” ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนรวมที่มีความรู้และประสบการณ์ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และนโยบายการลงทุนของกองทุนรวมแต่ละกอง, ช่วยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ซื้อ LTF/RMF เพื่อลดหย่อนภาษี, มีการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในตราสารทางการเงินที่หลากหลาย, มีสภาพคล่องเพราะสามารถขายหรือสับเปลี่ยนกองทุนได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด, มีทางเลือกในการลงทุนหลากหลาย, มีกลไกป้องกันผู้ลงทุนโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงทุนถูกเอาเปรียบ เป็นต้น

5. จัดพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง จึงควรจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงตามหลักง่ายๆ คือ

100-อายุปัจจุบันของผู้ลงทุน = สัดส่วนหุ้นที่ควรลงอยู่ในพอร์ต

เช่น ปัจจุบันอายุ 35 ปี สัดส่วนหุ้นในพอร์ตควรมี 100-35=65% ส่วนอีก 35% สามารถกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนตัวเองด้วยการซื้อตราสารหนี้ หรือฝากประจำ หรือถือเป็นเงินสดไว้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งอายุน้อยยิ่งจัดพอร์ตรับความเสี่ยงได้เยอะกว่า ยิ่งอายุมาก ก็ควรยิ่งต้องลดความเสี่ยงลงด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ในการวางแผนลงทุนด้วยเช่นกัน

ติดตามเคล็ดลับการบริหารการเงิน กิจกรรมที่น่าสนใจ ตลอดจนสาระดีๆ เกี่ยวกับความรู้ด้านการใช้เงินอย่าง ‘ฉลาดคิด ฉลาดใช้’ ที่จะช่วยสร้างวินัยทางการเงินที่ดีให้คุณได้ที่ เว็บไซต์กรุงศรี คอนซูมเมอร์ และกดติดตามได้ที่ FB Page ฉลาดคิด ฉลาดใช้