ในช่วงนี้ผู้ปกครองหลายๆบ้านเห็นข่าวการติดเชื้อโควิด19 ในกลุ่มเด็กเล็กที่พบมากขึ้น อาจทำให้เกิดความเครียดและกังวลใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่สำหรับกรณีในกลุ่มเด็กเล็กที่พบเชื้อโควิด19 ที่ผ่านมานั้น จากการติดตามผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่มักติดเชื้อแบบไม่มีอาการ หรืออาการน้อย จึงสามารถให้การดูแลที่บ้านได้ โดยให้การรักษาแบบประคับประคอง และส่วนน้อยมากที่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส หรือต้องนอนโรงพยาบาลราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย จึงแนะนำแนวทางการรักษาโควิด19 ในเด็กให้เหมาะกับการระบาดในขณะนี้ ซึ่งแม้จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ส่วนใหญ่สามารถรักษาโดยพักอยู่ที่บ้านได้ซึ่งจะเหมาะกับผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็ก โดยมีคำแนะนำเบื้องต้นให้สามารถปฎิบัติตามด้วยการรักษาและดูแลดังนี้
ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (probable case) ผู้ที่มีผลตรวจ ATK ต่อเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ให้ผลบวก และผู้ติดเชื้อยืนยัน (confirmed case) ทั้งผู้ที่มีอาการและไม่แสดงอาการ ให้ใช้ยาในการรักษาจำเพาะดังนี้
- ผู้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 ไม่มีอาการ (Asymptomatic COVID-19)
ไม่แนะนำยาต้านไวรัส สามารถให้การดูแลแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านได้อาจ ไม่จำเป็นต้องเข้าระบบบริการ Home isolation หรือรับการรักษาในโรงพยาบาล - ในผู้ป่วยเด็กที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง (Symptomatic COVID-19 without
pneumonia and no risk factors)
–แนะนำให้ดูแลรักษาตามอาการ สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอก และแยกกักตัวที่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าระบบบริการ Home isolation หรือรับการรักษาในโรงพยาบาล
–อาจพิจารณาให้ favipiravir เป็นเวลา 5 วัน ตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น กรณีที่ไข้สูง 39 องศาเซลเซียสต่อเนื่องกันมากกว่า 1 วัน อ่อนเพลีย ซึม อาเจียน ท้องเสีย รับประทานอาหารได้น้อย เป็นต้น - ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยง หรือมีอาการปอดอักเสบ (pneumonia) เล็กน้อยไม่
เข้าเกณฑ์ข้อ 4
-ปัจจัยเสี่ยง/โรคร่วมสำคัญ ได้แก่ อายุน้อยกว่า 1 ปี และมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคโควิด19 อย่างรุนแรง
-แนะนำให้ favipiravir เป็นเวลา 5 วัน อาจให้นานกว่านี้ได้หากอาการยังมาก โดยแพทย์พิจารณาตามความเหมาะสม
-สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ ตามดุลยพินิจของแพทย์ โดยจัดให้มีช่องทางให้ผู้ป่วย
สามารถติดต่อเข้ารับการประเมิน หรือรับการรักษาในโรงพยาบาลหากอาการเปลี่ยนแปลงหรือทรุดลง - ผู้ป่วยยืนยันที่มีอาการปอดอักเสบปานกลาง หรือ รุนแรง ได้แก่ หายใจเร็วกว่าอัตราการหายใจตามกำหนดอายุ (60 ครั้ง/นาที ในเด็กอายุ <2 เดือน, 50 ครั้ง/นาที ในเด็กอายุ 2-12 เดือน, 40 ครั้ง/นาที ในเด็ก อายุ 1-5 ปี และ 30 ครั้ง/นาที ในเด็กอายุ >5 ปี)
-แนะนำให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
-แนะนำให้ favipiravir เป็นเวลา 5-10 วัน
-พิจารณาให้ remdesivir หากเป็นมาไม่เกิน 10 วัน และมีปอดอักเสบที่ต้องการการรักษาด้วยออกซิเจน หรือมีอาการรุนแรง
-แนะนำให้ corticosteroid - ผู้ป่วยยืนยันที่มีข้อบ่งชี้ในการนอนโรงพยาบาลอื่นๆ เช่น ท้องเสีย อาเจียน ทานอาหารไม่ได้
-แนะนำให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
-แนะนำให้ favipiravir เป็นเวลา 5-10 วัน
เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น หรือไม่มีข้อบ่งชี้ในการนอนโรงพยาบาล สามารถรักษาต่อแบบผู้ป่วยนอก โดยการกักตัวที่บ้านตามคำแนะนำของแพทย์
ในระหว่างที่รักษาแบบผู้ป่วยนอก ขอให้ผู้ป่วยให้ความร่วมมือในการกักตัวอยู่ที่บ้านตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันการกระจายเชื้อ
สรุปคือ การประเมินอาการของเด็กเมื่อตรวจพบว่าติดโควิดเบื้องต้น ว่าสามารถรักษาที่บ้านหรือต้องไปโรงพยาบาลคือ
อาการน้อย / ไม่มีอาการ / ไม่มีปอดอักเสบ / เด็กทานอาหารได้เล่นได้ตามปกติ >> ให้รักษาตามอาการได้ที่บ้าน เช่น หากมีไข้ให้ยาลดไข้ ไอหรือเจ็บคอ ให้ดื่มน้ำมากๆ
มีอาการร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยง (มีโรคประจำตัว) หรืออายุน้อยกว่า 1ปี >> ควรไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอประเมินเบื้องต้นในการให้ยา
ในกลุ่มเด็กที่มีอาการ ซึม ท้องเสีย อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ >> แนะนำว่าควรได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
หมายเหตุ:
ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะแนะนําการใช้ฟ้าทะลายโจร, Ivermectin, Molnupiravir, และ Paxlovid เพื่อ
การรักษา COVID-19 ในเด็ก
*กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ SARS CoV-2 ที่มีอาการรุนแรง ได้แก่เด็กที่มีโรคร่วม หรือความผิดปกติ ดังต่อไปนี้
โรคอ้วน (น้ำหนักเทียบกับความสูง (weight for height) มากกว่า +3 SD)
โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง
โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง
โรคไตวายเรื้อรัง
โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
โรคเบาหวาน
กลุ่มโรคพันธรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่
มีพัฒนาการช้า
อ้างอิงข้อมูล คำแนะนำฉบับเบื้องต้น การดูแลรักษา COVID-19 ในผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า15 ปี
(COVID-19 Interim Guidance: Management of Children with COVID-19)
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ฉบับที่ 1/2565