ประเด็นสำคัญ
- แอสตร้าเซนเนก้า สรุปผลการทดสอบยารักษาโควิด-19 ที่ชื่อว่า AZD7442 ในระยะที่ 3
- ซึ่งเป็นยาฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อ และได้มีการทดสอบทั้งในด้านของการป้องกัน และ การรักษาอาการหลังติดเชื้อ พบว่า
- ในด้านการป้องกัน ช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยแบบมีอาการได้ 83% โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
- ในด้านการรักษา ช่วยลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ 88%
- เนื่องจากยา AZD7442 ใช้แอนตี้บอดี้ 2 ชนิดในการจับกับหนามของไวรัสในคนละตำแหน่ง ทำให้ได้ประสิทธิภาพทั้งการป้องกันและการรักษา
…
แอสตร้าเซนเนก้า ได้รายงานผลการทดลองยารักษาโควิด-19 AZD7442 ในการศึกษาระยะที่ 3 ในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูงจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยพบว่า ยามีประสิทธิภาพสูงและสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้ในระยะยาว ซึ่งทางแอสตร้าเซนเนก้า ได้แบ่งโครงการทดสอบในครั้งนี้ออกเป็น
- พรูฟเวนท์ (PROVENT) เพื่อทดสอบการป้องกันโรคโควิด-19
- ท็คเคิล (TACKLE) โดยเป็นการทดสอบการรักษาโรคโควิด-19 สำหรับกลุ่มผู้ป่วยนอก
พรูฟเวนท์ (PROVENT) : ป้องกันก่อนติดเชื้อ
เป็นการศึกษาการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยมากกว่า 75% ของผู้เข้าร่วมโครงการพรูฟเวนท์ (PROVENT) เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่เดิม และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีนน้อยกว่าคนทั่วไป และหากติดเชื้อจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงจากโรคโควิด-19
โดยผลการทดลองในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ในการทดสอบยา AZD7442 พบว่า การใช้ยา AZD7442 ขนาด 300 มิลลิกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหนึ่งโดส สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคโควิด-19 แบบมีอาการ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก (Placebo) ได้ถึง 83% โดยไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตในกลุ่มที่ได้รับยานี้
ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอก พบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 อาการรุนแรงเพิ่มขึ้น 2 รายในการประเมินผลการรักษาที่ระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วมีผู้ป่วยโควิด-19 อาการรุนแรง 5 ราย และเสียชีวิต 2 ราย ในกลุ่มที่ได้ยาหลอก
ในการทดลองภายใต้โครงการ พรูฟเวนท์ (PROVENT) ได้ดำเนินการขึ้นทั้งหมด 87 แห่งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สเปน ฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม มีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวน 5,172 คน
แท็คเคิล (TACKLE) : รักษาอาการป่วย
ในการทดลองแท็คเคิล (TACKLE) กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เป็นผู้ป่วยนอก ในกลุ่มแสดงอาการน้อยถึงปานกลางจากโรคโควิด-19 แสดงให้เห็นว่าการใช้ยา AZD7442 ขนาด 600 มิลลิกรัม 1 โดส ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรครุนแรงหรือการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุได้ถึง 88% เมื่อเทียบกับการใช้ยาหลอกในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการในช่วง 3 วันแรกหรือน้อยกว่า
โดยผู้เข้าร่วมการทดลองแท็คเคิล (TACKLE) จำนวน 903 คน ซึ่งมี 90% มาจากประชากรที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรครุนแรงหากติดโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว
…
ซึ่งจากการทดลองภายใต้การศึกษาทั้ง พรูฟเวนท์ (PROVENT) และแท็คเคิล (TACKLE) โดยการศึกษาระยะที่ 3 นี้แสดงให้เห็นว่าการฉีดยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long Acting Antibody – LAAB) แบบผสมเข้ากล้ามเนื้อหนึ่งโดสนั้นมีประสิทธิผลสูง
ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยที่เหราะบางสามารถใช้ยา AZD7442 ในการป้องกันได้ในระยะยาว แม้ว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 ในสายพันธุ์เดลต้านี้ ซึ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง-กลุ่มเปราะบางเหล่านี้ มีระดับภูมิคุ้มกันที่ได้รับการกระตุ้นจากวัคซีนได้น้อยกว่า คนในวัยหนุ่มสาว และตัวยา AZD7442 นี้ก็สามารถช่วยป้องกันได้นานถึง 6 เดือน
โดยทางแอสตร้าเซนเนก้า อยู่ในระหว่างการยื่นรายงานฉบับเต็มจากการศึกษาพรูฟเวนท์ (PROVENT) และแท็คเคิล TACKLE เพื่อตีพิมพ์และเสนอในการประชุมทางการแพทย์ต่อไป
…
ยารักษาโควิด-19 AZD7442
สำหรับยา AZD7442 เป็นยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long Acting Antibody – LAAB) ที่ผสมยา LAAB สองชนิด ได้แก่ tixagevimab (AZD8895) และ cilgavimab (AZD1061) ซึ่งมาจากบีเซลล์ที่ได้รับการบริจาคจากผู้ที่เคยป่วยจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 และนำมาพัฒนาต่อยอด
โดยโมโนโคลนอลแอนติบอดีของมนุษย์ 2 ตัวนี้จะมีความจำเพาะที่ต่างกัน โดยจะทำหน้าที่จับกับโปรตีนหนามของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ SARS-CoV-2 ในคนละจุด อย่างไรก็ตาม แอนติบอดี้ทั้ง 2 ตัวนี้มีอายุค่อนข้างสั้น ทาง แอสตร้าเซนเนก้า ได้พัฒนาต่อเพื่อยืดอายุของแอนติบอดี้ ให้ได้นานขึ้นมากกว่าแอนติบอดี้ทั่วไปได้ถึง 3 เท่า ซึ่งอาจป้องกันโรคโควิด-19 ได้ยาวนานถึง 12 เดือน จากการใช้ยาเพียงหนึ่งครั้ง