ต่างประเทศ วัคซีนโควิด-19 วัคซีนไฟเซอร์ สหรัฐอเมริกา โควิด-19

FDA สหรัฐฯ กลับมาสนับสนุนให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก 5-11 ปี อีกครั้ง

FDA สหรัฐฯ ลงความเห็นเดินหน้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปี ระบุ มีความปลอดภัย และป้องกันโควิด-19 ได้ดี เพื่อให้เด็กกลับมาเรียนในโรงเรียน และกลับมาใช้ชีวิตวัยเด็กได้อีกครั้ง

Home / โควิด-19 / FDA สหรัฐฯ กลับมาสนับสนุนให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก 5-11 ปี อีกครั้ง

ประเด็นสำคัญ

  • FDA สหรัฐฯ ลงความเห็นเดินหน้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปี
  • ระบุ มีความปลอดภัย และป้องกันโควิด-19 ได้ดี
  • เพื่อให้เด็กกลับมาเรียนในโรงเรียน และกลับมาใช้ชีวิตวัยเด็กได้อีกครั้ง

คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกาได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ในการกลับมาแนะนำให้เด็กอายุระหว่าง 5-11 ปีอีกครั้ง โดยได้ลงมติเสียงสนับสนุน 17 เสียงเห็นด้วยกับการเดินหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์ให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี ในสหรัฐฯ และงดออกเสียง 1 ราย

ซึ่งเหตุผลของการอนุมัติให้มีการเดินหน้าฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี เพื่อเป็นการป้องกันโควิด-19 ในเด็กนั้นมีความสำคัญ แม้ว่าการป่วยในเด็กจะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าผู้ใหญ่ก็ตาม โดยในขณะนี้มีเด็กอายุ 5-11 ปี ติดโควิด-19 แล้วกว่า 1.8 ล้านราย และเสียชีวิตแล้วราว 200 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตนั้นพบว่า มีโรคประจำตัว

สำหรับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ในขณะนี้ เป็นการติดเชื้อในสายพันธุ์เดลต้าเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีความสามารถในการแพร่กระจายได้รวดเร็ว การใช้วัคซีนเป็นทางเลือกในการป้องกันการเสียชีวิต การป่วยหนัก และจะป้องกันผลข้างเคียงอื่น ๆ ในระยะยาวที่อาจจะเกิดขึ้นในเด็กได้

นอกจากนี้ วัคซีนยังถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการกับการระบาดที่เกิดขึ้น เพื่อให้เด็ก ๆ กลับมาใช้ชีวิตในโรงเรียน และสิ่งแวดล้อมภายนอกบ้านได้

ยังคงเผชิญความไม่เชื่อมั่น

สำหรับการเดินหน้าฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ล้านคนในสหรัฐฯ สามารถกลับมาเรียนในห้องเรียนได้อีกครั้ง โดยสหรัฐฯ จะเริ่มใช้ในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาจจะเป็นข้อกังวลถึงการบังคับในการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ที่อาจจะเป็นการละเมิดสิทธิ

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนมาก ยังไม่เชื่อมั่นในวัคซีน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ส่วนบุคคล โดยเฉพาะในเรื่องของรายงานการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็ก ที่มีรายงานสูงกว่าในวัยผู้ใหญ่อย่างชัดเจน และมีความเชื่อมโยงกับการได้รับวัคซีน mRNA

โดยทางด้านของผู้เชี่ยวชาญได้ระบุว่า การเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กที่ได้รับวัคซีนชนิด mRNA นั้น เป็นจำนวนที่เกิดขึ้นไม่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ได้รับวัคซีน อีกทั้งพบว่า อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นส่วนใหญ่ และสามารถรักษาให้หายได้

ซึ่งการพบอาการดังกล่าวนั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่าโอกาสในการติดเชื้อโควิด-19 และเด็ก ไม่ควรต้องเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโควิด-19 โดยไม่จำเป็น จากความเสี่ยงในการติดเชื้อ-ป่วยหนัก

ใช้ปริมาณที่น้อยกว่าผู้ใหญ่

ในการให้วัคซีนแก่เด็กในช่วงอายุ 5-11 จะให้วัคซีนในปริมาณต่ำกว่า 10 ไมโครกรัม ซึ่งน้อยกว่าในกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่จะได้รับวัคซีนในปริมาณ 30 ไมโครกรัม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการลดปริมาณของวัคซีนลง แต่ทางไฟเซอร์ระบุว่า ในผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์นั้นยังอยู่ที่ระดับ 90.7%