ประเด็นสำคัญ
- มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ในสหราชอาณาจักร ทดสอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับใช้ฉีดกระตุ้นในการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์กลายพันธุ์แบบหลายสายพันธุ์เป็นครั้งแรก
- โดยมีการทดสอบในมนุษย์เป็นครั้งแรก ของวัคซีนกระตุ้นที่ชื่อว่า จีอาร์ที-อาร์910 (GRT-R910)
- ใช้ส่วนโปรตีนของทั้งที่เป็นโปรตีนหนาม และโปรตีนส่วนอื่นที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อย ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
- คาดว่าจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และตอบสนองต่อเชื้อกลายพันธุ์ได้ดีกว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นชนิดเดียวกัน
…
มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ และ Gritstone บริษัทผู้ผลิตยาในสหรัฐฯ ได้ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ แบบหลายสายพันธุ์ ผ่านการสนับสนุนจากระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ หรือ National Health Service (NHS)
โดยในโครงการ Gritstone’s CORAL program ได้ร่วมกันค้นคว้าวิจัยวัคซีน จีอาร์ที-อาร์910 (GRT-R910) ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่เรียกว่า เป็นรุ่นที่ 2 โดยใช้การกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากการใช้ทั้งส่วนที่เป็นโปรตีนจากหนามของไวรัส ร่วมกับโปรตีนส่วนที่ไม่ใช่หนาม ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันพิเศษ (CD8+ T cells) ที่เป็นส่วนสำคัญในการตอบโต้ต่อเชื้อไวรัส ทำให้เชื้อไม่สามารถจับตัวกับเซลล์ของมนุษย์ได้
ซึ่งจะเป็นการช่วยในการเพิ่มศักยภาพให้กับร่างกายให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้นและนานขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุ
แอนดรูว์ อัลเลน ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gritstone ระบุว่า วัคซีนชนิดนี้จะช่วยกระตุ้นการตอบสนอง ของ CD8+ T cells ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภูมิคุ้มกันในการตอบสนองกับเชื้อไวรัส และยาวนานขึ้น เนื่องจากชิ้นส่วนโปรตีนอย่างหนามของเชื้อไวรัส มีโอกาสในการเปลี่ยนแปลง หรือ หลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากวัคซีนได้
จึงได้ออกแบบวัคซีน GRT-R910 นี้มีศักยภาพในการต่อสู้กับเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ในหลายรูปแบบ หลายสายพันธุ์ โดยการใช้ชิ้นส่วนโปรตีนที่มีการกลายพันธุ์ได้ยาก ในวัคซีนด้วย
และจากกระบวนการที่เกิดขึ้น ทำให้ทีมวิจัยคาดว่า จะเป็นวัคซีนตัวแรกเป็นผลดีในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิดเดียวกัน
ทดลองในอาสาสมัคร 2 รายแรก
สำหรับวัคซีน GRT-R910 นี้ ได้เริ่มทดลองในมนุษย์แล้วเป็นครั้งแรก โดยฉีดให้กับอาสาสมัครจำนวน 2 ราย คือ แอนดรูว์ คลาร์ก อายุ 63 และเฮเลน คลาร์กอายุ 64 ปี ซึ่งทั้งสองรายเป็นคู่สามี-ภรรยา คู่แรกที่เข้ารับวัคซีนนี้
โดยแอนดรูว์ ระบุว่า ตนเองได้ลงทะเบียนกับ NIHR COVID-19 Vaccine ไว้ตั้งแต่ฤดูร้อนปีที่แล้ว ซึ่งหวังว่า ตนเองจะช่วยในการพัฒนาวัคซีนได้ และการทดสอบวัคซีน ก็จะต้องมีใครสักคนเป็นคนแรก และตนเองเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังในการผลิตวัคซีนนี้ รวมถึงเชื่อว่า วัคซีนมีความจำเป็น
นอกจากนี้ แอนดรูว์ ยังเสริมว่า สำหรับตนเองและภรรยา ทั้งคู่เกษียณอายุแล้ว ดังนั้นการล็อกดาวน์จึงเป็นเรื่องง่าย และการเป็นส่วนเล็กๆ นี้ จะช่วยเปลี่ยนแปลงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
ทางด้านของเฮเลน คลาร์ก ภรรยา เคยเป็นเจ้าหน้าที่ใน NHS รวมถึงเคยร่วมในการวิจัยในฐานะพยาบาลมาก่อน ระบุว่า วัคซีนจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีอาสาสมัคร
สำหรับการทดสอบคาดว่า จะรับสมัครอาสาสมัคร 20 คน สำหรับการประเมินวัคซีน และน่าจะทราบผลการประเมินในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 และนำไปสู่การทดลองทางคลินิกในระยะถัดไปในช่วงปลายปี 2022
ที่มา – มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์