ประเด็นสำคัญ
- เวียดนามพบผู้ป่วยพุ่งสูงกว่า 11,000 รายแล้ว และเสียชีวิตเพิ่มอีก 737 ราย
- ทางการเวียดนามประกาศล็อกดาวน์เข้มข้น ห้ามออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น
- เร่งตรวจหาเชื้อในพื้นที่สีแดงเพิ่มเติม จัดชุดเคลื่อนที่เร็วดูแลผู้ป่วยตามบ้าน
- ตั้งจุดฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ เป้าหมาย 223 จุดในพื้นที่ระบาดหนัก
…
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศเวียนามยังคงมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดล่าสุดของวันที่ 22 ส.ค. พบผู้ป่วยรายใหม่อีก 11,214 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 11,208 ราย ในจำนวนนี้กว่า 6,300 รายเป็นการติดเชื้อที่ไม่สามารถสอบสวนโรคและหาความเชื่อมโยงได้
โดยในนครโฮจิมินห์ ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีรายงานการพบผู้ป่วยสูงที่สุด โดยพบเพิ่ม 4,193 ราย รองลงมาคือ จังหวัด Binh Duong ที่อยู่ใกล้เคียง พบเพิ่ม 3,795 ราย ทำให้ยอดยอดรวมผู้ป่วยสะสมในประเทศเวียดนามรวม 347,921 ราย และมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในขณะนี้ราว 2 แสนราย
เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
จากจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้อันตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยยอดล่าสุด ทางการเวียดนามรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 737 ราย โดยทางการเวียดนามระบุว่า เป็นระหว่าง วันที่ 21-22 ส.ค.
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ช่วงการระบาดที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือน ส.ค. นี้ ทำให้สถิติจำนวนผู้เสียชีวิตในเวียดนาม เฉลี่ย 7 วัน อยู่ที่ 358 ราย
…
เวียดนามรับมืออย่างไร?
ล็อกดาวน์เข้มข้น
ท่ามกลางการระบาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาด ทำให้ทางการเวียดนาม สั่งล็อกดาวน์เต็มรูปแบบในพื้นที่เมือง เริ่มวันที่ 23 ส.ค. นี้ เป็นวันแรกโดยจะอนุญาตให้ 11 กลุ่มที่จำเป็นเท่านั้น เช่น กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ/ทหาร ในการควบคุมพื้นที่, แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์, เจ้าหน้าที่ประสานงาน, องค์กรการกุศลต่าง ๆ , ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธนาคาร/การเงิน, ผู้ส่งสินค้าต่าง ๆ , พนักงานการไฟฟ้า-ประปา เป็นต้น
โดยผู้ที่อยู่ใน 11 กลุ่มนี้ จะได้รับใบอนุญาตเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบการเดินทางต่าง ๆ ซึ่งประชาชนทั่วไปจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้เฉพาะในกรณีจำเป็นเช่น ต้องออกไปพบแพทย์ ทั้งกรณีฉุกเฉิน หรือ รับวัคซีน
จากมาตรการที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้แรงงานจำนวนมากในนครโฮจิมินห์ ได้รับผลกระทบเนื่องจาไม่สามารถทำงานได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถเดินกลับบ้านในพื้นที่อื่น ๆ ได้ เนื่องจากถูกล็อกดาวน์ ทำให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ที่ถูกล็อกดาวน์และไม่สามารถใช้ชีวิตตามปรกติเหล่านี้ได้
ซึ่งทางการเวียดนามได้อนุมัติเงินราว 113 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ยากจน และได้รับผลกระทบจากการขาดรายได้ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ในการจัดซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 175 เหรียญสหรัฐฯ/เดือน (ราว 5,800 บาท/เดือน)
สำหรับประชาชนในพื้นที่สีเขียว และสีเหลืองจะได้รับอนุญาติให้ออกไปซื้อของใช้ที่จำเป็นได้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทำให้ในขณะที่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ชาวเวียดนามพากันออกมาหาซื้อสินค้าในร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ กันจนหลายแห่งสินค้าจำเป็นไม่พอจำหน่าย
เร่งการตรวจหาเชื้อ
สำหรับในพื้นที่สีแดงเมืองจะมีการปูพรมตรวจหาเชื้อให้กับประชาชน โดยใช้ชุด ATK ในการตรวจหาเชื้อ นอกจากนี้ ผู้ที่ประกอบอาชีพขนส่งสินค้า พนักงานในซุปเปอร์ฯ ตลาด ร้านค้า ปั้มน้ำมัน หรือในกลุ่มอาชีพที่จำเป็นต้องออกมานอกบ้าน จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกสัปดาห์
แยกกักที่บ้าน-ติดตามอาการ
ทางการเวียดนามมีการจัดชุดเคลื่อนที่ที่เรียกว่า “mobile health stations” จำนวน 400 ชุด ซึ่งประกอบไปด้วยถังออกซิจเน เครื่องวันระดับออกซิเจน, ชุดตรวจ ATK และเวชภัณฑ์จำเป็นอื่น ๆ กระจายตามพื้นที่ที่มีผู้ป่วยโควิด-19 แยกกักตัวอยู่ เพื่อตรวจประเมินอาการ และให้การช่วยกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน
นอกจากนี้ ยังมีชุดปฐมพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 1 แสนชุด สำหรับผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้านด้วย
เร่งฉีดวัคซีน
สำหรับวัคซีนจะมีการเร่งฉีดให้กับผู้ที่อยู่ในพืนที่สีแดงและส้ม ในหลายเขตที่มีการระบาดสูง โดยจะมีรถฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ ไปยังจุดต่าง ๆ ในเมืองและให้ประชาชนออกมารับวัคซีน โดยรัฐบาลเวียดตามตั้งเป้าในการชุดฉีดวัคซีนเคลื่อนที่จำนวน 135 จุดด้วยกัน ภายในต้นสัปดาห์นี้ และเพิ่มเป็น 223 จุด ภายในวันที่ 27 ส.ค. ที่จะถึงนี้
โดยเวียดนามเพิ่งได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca จำนวน 1.2 ล้านโดส ซึ่งที่ผ่านมาเวียดนามได้รับวัคซีน AstraZeneca แล้ว 14.3 ล้านโดส จากโครงการ Covax
ซึ่งในนครโฮจิมินห์มีประชาชนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มแล้วจำนวน 5.2 ล้านคน และทั่วประเทศมีผู้ได้รับวัคซีนแล้วราว 16 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจำนวน 1.5 ล้านคน