ศูนย์ข้อมูโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์โควิด19 ประจำวันที่ 12 ก.ค. เมื่อช่วง 08.00 น. โดยสถานการณ์ในประเทศไทย
- พบผู้ป่วยเพิ่ม 8,656 ราย รวมสะสม 345,027 ราย
เป็นการประชาชนทั่วไป 8,583 ราย และเป็นผู้ต้องขัง 73 ราย - หายป่วยเพิ่ม 3,687 ราย รวมหายแล้ว 251,658 ราย
- เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 2,791 ราย

จากการพบผู้ติดเชื้อในขณะนี้ พบว่า เป็นการติดเชื้อในครอบครัว กลุ่มเพื่อน ที่ทำงาน เพิ่มขึ้น ในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล


เร่งลุยตรวจ Rapid Test 12,000 คน/วัน
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ทำให้จำเป็นต้องมีการเร่งค้นหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ทาง สปสช. ร่วมกับ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะมีการเปิดบริการตรวจโควิด-19 ในการค้นหาเชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยจะเริ่มในวันนี้ ( 12 ก.ค. ) เป็นวันแรก โดยมีเป้าหมายที่จะตรวจให้ได้ 1-1.2 หมื่นรายต่อวัน ในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีการตั้งจุดตรวจ 4 จุดด้วยกัน
วันที่ 12 ก.ค.
- สนามกีฬาธูปะเตมีย์ กองทัพอากาศ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จำนวน 3,000 คน/วัน
- สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) เขตบางกะปิ กทม. จำนวน 3,000 คน/วัน
- ลานจอดรถชั้น 5 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ โดยทดลองระบบวันแรก 500 คน และจะเพิ่มจำนวนให้ได้ 3,000 คน/วัน
ซึ่งใน 2 จุดแรกจะรับผิดชอบโดย สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และจุดที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จะดูแลโดยคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล
วันที่ 14 ก.ค.
- สนามฟุตบอลกองพล ปตอ. เกียกกาย เขตดุสิต กทม. จำนวน 3,000 คน/วัน
โดยในจุดนี้ จะดูแลโดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
แนวทางแยกกักตัวที่บ้าน / ชุมชน
ในแนวทางของกรมการแพทย์ล่าสุด เมื่อมีการตรวจค้นหาผู้ป่วยด้วยชุดตรวจ Rapid Test แบบ Antigen ในจุดตรวจเชิงรุกแลว หากพบติดเชื้อจะมีการประเมินอาการ หากเป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการเบา ก็จะให้เข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน/ชุมชน โดยมีคลินิกชุมชน-รพ.พี่เลี้ยงในพื้นที่ เป็นผู้ประสานงานดูแลผู้ป่วยและติดตามอาการต่าง ๆ
โดยในการรักษาตัวที่บ้านนั้น จะมีการส่งเครื่องวัดไข้, เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด, ยาฟ้าทะลายโจร พร้อมจัดส่งอาหารไปให้ผู้ป่วย ร่วมกับการทำ Telehealth ให้แพทย์ติดตามอาการผ่านวิดีโอคอลวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ป่วยได้รับการดูแลอยู่ที่บ้าน
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ก็จะมีการส่งตัวต่อไปรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งหากยังหา รพ./เตียงไม่ได้ จะมีการจัดส่งยากฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้าน เพื่อรับประทาน ประคองอาการไว้ก่อน