เมื่อวันจันทร์ (21 มิ.ย.) ศูนย์การแพทย์ชาเมียร์ของอิสราเอลเปิดเผยการค้นพบของคณะนักวิจัยชาวอิสราเอลว่าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของไฟเซอร์ (Pfizer) เพิ่มความเสี่ยงก่อภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ (TTP) ที่เกิดขึ้นได้ยาก
ภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune disease) ชนิดรุนแรง ที่ก่อให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลายอวัยวะของร่างกาย โดยอาการที่พบ ได้แก่ อ่อนแรง เหนื่อยล้า ระบบประสาทผิดปกติ เลือดออก และเจ็บหน้าอก
อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยพบตั้งแต่ต้นและแนวทางการรักษาที่ทันสมัยช่วยเพิ่มโอกาสฟื้นตัวของผู้ป่วยจากเดิมร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 80 ในปัจจุบัน
ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มความเชื่อมโยงระหว่างภาวะดังกล่าวกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น หลังจากอุบัติการณ์ของโรคเลือดในอิสราเอลเพิ่มขึ้นจาก 2-3 รายต่อปี เป็น 4 รายภายในเดือนเดียว โดยศูนย์การแพทย์ฯ ระบุว่าคณะนักวิจัยพบความเชื่อมโยงตามลำดับเวลาระหว่างช่วงที่ฉีดวัคซีนกับช่วงที่เริ่มแสดงอาการ
ศูนย์การแพทย์ฯ เรียกร้องผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำที่หายดีแล้วเข้ารับวัคซีนภายใต้ใบอนุญาตพิเศษทางการแพทย์เท่านั้น รวมถึงเข้ารับการติดตามผลทางคลินิกและห้องปฏิบัติการอย่างใกล้ชิดหลังฉีดวัคซีน
ขณะเดียวกันศูนย์การแพทย์ฯ ยังแนะนำคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเฝ้าระวังตนเองหลังรับวัคซีน และพบแพทย์ทันทีหากเริ่มมีอาการของภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำ
ที่มา – ซินหัว