Xross Chronicle เกมมือถือ RPG ตัวใหม่จาก LINE Games ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตัวเกมจะพาคุณออกผจญภัยและสะสมตัวละครกว่า 100 ตัวที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิทานพื้นบ้านและตำนานของโลกตะวันตกและตะวันออก
จากทีมผู้พัฒนาเกม Phantom Chaser (Yokai Saga) ที่เปิดให้บริการในปี 2017 ในเกมมาพร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามระหว่างมนุษย์และโยไกที่เกิดขึ้นจาก Dimension Rift ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองโลก
Xross Chronicle ถูกพัฒนามาให้เหนือกว่าเกม Phantom Chaser ด้วยการยกเครื่องระบบการเติบโตของตัวละคร, เรื่องราวที่เข้มข้น และกราฟิกที่สวยงามมากขึ้น สำหรับผู้เล่นคนใดที่จะเข้าผจญภัยในเกม Xross Chronicle วันนี้เรามีทิปส์เล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้อ่านก่อนเริ่มเล่นเกมกันด้วยครับ
ระบบตัวละคร
ลักษณะ และบทบาทของตัวละคร
ในเกมตัวละครแต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน 3 ประเภท ได้แก่ตัวละครสายพละกำลัง (Power) ตัวละครสายว่องไว (Agility) และตัวละครสายความเฉลียวฉลาด (Intelligence) ตัวละครแต่ละตัวจะมีลักษณะที่โดดเด่นเพียง 1 ประเภทเท่านั้น และลักษณะเหล่านี้จะส่งผลต่อการเติบโตของตัวละครอีกด้วย
นอกจากลักษณะของตัวละครแล้ว มนุษย์และโยไกแต่ละตัวจะมีบทบาทที่แตกต่างกันถึง 4 แบบ ได้แก่ ตัวละครสายโจมตี, ตัวละครสายป้องกัน, ตัวละครสายสนับสนุน และตัวละครสายก่อกวน (CC)
สองบทบาทแรกค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย ๆ โดยตัวละครสายโจมตีจะมีสกิลที่สร้างดาเมจได้รุนแรงขึ้น ในขณะที่ตัวละครสายป้องกันจะมีสกิลที่ลดดาเมจที่จะได้รับ ในขณะที่ตัวละครสายสนับสนุนจะคอยฟื้นฟูเลือด และแจกบัฟให้กับตัวละครอื่น ๆ กลับกันตัวละครสายก่อกวนจะมีสกิลที่ดีบัฟศัตรูทำให้ศัตรูอ่อนแอลง
‘ของขวัญจาก Joy: เลือกตัวละครที่คุณต้องการได้ (joy’s gift)
ผู้เล่นใหม่จะได้รับตัวละครแรกผ่านระบบ ของขวัญจาก Joy (Joy’s Gift) ที่ผู้เล่นสามารถสุ่มตัวละครใหม่ได้เรื่อยๆ จนกว่าจะได้ตัวละครที่ผู้เล่นต้องการ
และด้วยระบบนี้เองทำให้ผู้เล่นสามารถเริ่มต้นเกมด้วยตัวละครที่เป็นที่นิยมของ Xross Chronicle ได้เช่น Overlord หรือ Phoenix หรือกระทั่งตัวละครแนะนำอย่าง Julian, Moohu และ Gumiho
ในเกม Xross Chronicle ตัวละครทุกตัวมีประโยชน์ในแบบของมัน โดยจุดที่สนุกที่สุดของเกมคือการค้นหาการประสานงาน (Synergies) ที่ดีที่สุดระหว่างตัวละคร รวมถึงการวางแผนการต่อสู้เพื่อเอาชนะศัตรู
วิธีการจัดทีม และเอาชนะศัตรู
ในเกม Xross Chronicle ระบบการประสานงานระหว่างตัวละครเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างทีมที่ดีที่สุดผ่านระบบการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ชื่อว่าการฟิวชั่น (Fusion) จะเป็นการมอบความสามารถของตัวเองให้กับตัวละครที่ติดตามอยู่
การทดลองใช้คอมโบที่หลากหลาย
เมื่อ Hunter รวมร่างกับโยไก ตัวละครนั้นจะได้รับสกิล และค่าสถานะบางส่วนจากโยไกที่รวมร่างด้วย ซึ่งค่าสถานะจะเพิ่มตามอุปกรณ์ที่โยไกสวมใส่ด้วยเช่นกัน โดยอัตราที่เพิ่มขึ้นจะอ้างอิงตามอัตราการฟิวชั่นของตัวละคร (Character’s Fusion Rate)
และด้วยระบบนี้เองทำให้การฟิวชั่นมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยอัตราการฟิวชั่นเริ่มต้นที่ 50% ผู้เล่นสามารถเพิ่มอัตราการฟิวชั่นได้ทีละ 1% และเพิ่มได้สูงสุด 100%
Hunter ที่ถูกฟิวชั่นแล้วจะได้รับทั้งสกิล Active และสกิล Passive ของโยไกที่รวมร่างด้วย และเมื่อนำสกิลที่ได้นี้ไปรวมกับสกิลที่ Hunter มีอยู่แล้ว ผู้เล่นจะได้พบกับเอฟเฟกต์พิเศษจำนวนมากที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีที่รุนแรงขึ้น สกิลคูลดาวน์เร็วขึ้น เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลทั้งด้านแผนการในการต่อสู้ และกราฟิกที่แสดงผลออกมาให้เห็น
ระบบ Cross Training
โดยปกติแล้ว Hunter และโยไก จะมีช่องให้ใช้งานของใครของมัน (แถวหน้าคือแถวของ Hunter แถวหลังคือแถวของโยไก) อย่างไรก็ตามผู้เล่นสามารถใช้ระบบ Cross Training เพื่อให้ตัวละคร Hunter สามารถนำไปใช้งานในช่องของโยไกก็ได้ ซึ่งระบบนี้จะทำให้ผู้เล่นจัดวางแผนการ รวมถึงปรับแต่งทีมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
การอัปเกรดตัวละคร
นอกเหนือจากระบบเสริมอัตราการฟิวชั่น และ Cross Training ผู้เล่นยังสามารถอัปเกรดตัวละครได้ 3 แบบ ได้แก่ เพิ่มเลเวล (Reinforce), เพิ่มค่าเลเวลสูงสุด (Breakthrough) และเพิ่มระดับของตัวละคร (Evolve)
และในวันที่ 5 มีนาคมที่ ผู้พัฒนาเกมยังได้เพิ่มวิธีการใหม่ในการอัปเกรดตัวละคร โดยระบบนี้มีชื่อว่า Potential Reinforcement ผู้เล่นสามารถเพิ่มสถานะของลักษณะของตัวละคร ได้แก่พละกำลัง (Power), ความว่องไว (Agility) และความเฉลียวฉลาด (Intelligence)
นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถสวมใส่อุปกรณ์ให้กับตัวละครได้อีกด้วย โดยอุปกรณ์ต่างๆ จะได้จากการออกผจญภัยในโหมดเนื้อเรื่อง และตลาด Exchange ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ได้ตลอดเวลา เพื่อใช้อุปกรณ์ที่มีระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้การสวมใส่อุปกรณ์เป็นชุดจะเพิ่มโบนัสพิเศษให้กับตัวละครอีกด้วย
ผ่านด่าน 9-21 เพื่อปลดล็อคดันเจี้ยนทั้งหมด
วัตถุดิบที่ใช้ในการอัปเกรดตัวละคร และอุปกรณ์ต่างๆ จะสามารถหาได้ตามด่านต่างๆ เมื่อผู้เล่นเอาชนะด่าน 9-21 ในโหมดปกติได้ ผู้เล่นจะสามารถปลดล็อคดันเจี้ยนต่างๆ ได้
เขาวงกตแห่งกาลเวลา (Labyrinth of TimE)
ดันเจี้ยน Labyrinth of Time เป็นสถานที่ที่ผู้เล่นสามารถรับ Spirit Fire เพื่อนำมาใช้ในการอัปเกรดตัวละครได้ เขาวงกตนี้มีทั้งหมด 3 แบบได้แก่ เขาวงกตแห่งพละกำลัง (Labyrinth of Power), เขาวงกตแห่งความว่องไว (Labyrinth of Agility) และเขาวงกตแห่งความเฉลียวฉลาด (Labyrinth of Intelligence) ผู้เล่นสามารถเลือกเข้าผจญภัยในเขาวงกตที่ต้องการได้ และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ผู้เล่นควรเลือกเข้าเขาวงกตที่ตรงกับลักษณะของตัวละครที่ผู้เล่นต้องการเพิ่มเลเวล โดย Spirit Fire จะเพิ่ม EXP เป็น 2 เท่าหากใช้ตรงกับลักษณะของตัวละคร
ดันเจี้ยน Labyrinth of Time จะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 1-21 โหมดปกติได้
สนามประลอง (arena)
ผู้เล่นสามารถเข้าประลองฝีมือกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้ที่นี่ ในเกมจะมีระดับของผู้เล่นทั้งหมด 6 ระดับ (Rank) ได้แก่ Iron, Bronze, Silver, Gold, Diamond และ Master ของรางวัลที่จะได้รับมี Dolls ที่ผู้เล่นสามารถนำมาใช้เพิ่มอัตราความสำเร็จในการฟิวชั่นได้ โดยระดับของผู้เล่นจะถูกรีเซ็ตในสัปดาห์แรกของทุก ๆ เดือน
ระบบสนามประลองจะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 2-21 โหมดปกติได้
ดันเจี้ยน Crack of Fate
ในรอยแยกที่ปรากฏขึ้น ผู้เล่นมองเห็นแสงแห่งความร่ำรวยส่องมารำไร ดันเจี้ยน Crack of Fate เปรียบเสมือนเหมืองทองของเกม Xcross Chronicle จุดเด่นของดันเจี้ยนนี้คือ ยิ่งผู้เล่นมีแต้ม Lucky Score มากเท่าไหร่ ผู้เล่นก็ยิ่งได้ลุ้นทองที่มากขึ้นเท่านั้น
ดันเจี้ยน Crack of Fate จะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 3-21 โหมดปกติได้
ดันเจี้ยน Cave of Sighs
หากผู้เล่นคนไหนมีปัญหากับการหาไอเทมเพื่อเพิ่มค่าเลเวลสูงสุดของตัวละคร (Breakthrough) ผู้เล่นสามารถมาใช้งานดันเจี้ยน Cave of Sighs เพื่อหาไอเทมที่ต้องการได้ หินที่ใช้ในการเพิ่มค่าเลเวลสูงสุดจะมีทั้งหมด 3 ชนิดได้แก่ พละกำลัง (Power), ความว่องไว (Agility) และความเฉลียวฉลาด (Intelligence) ผู้เล่นสามารถเลือกเข้าไปยัง Cave of Sighs ตามประเภทของหินที่ต้องการได้
ดันเจี้ยน Cave of Sighs จะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 4-21 โหมดปกติได้
ดันเจี้ยน Territory of Chaos
ดันเจี้ยน Territory of Chaos เป็นอีกหนึ่งดันเจี้ยนที่ผู้เล่นสามารถตามหาไอเทมเพื่อเพิ่มค่าเลเวลสูงสุดของตัวละคร (Breakthrough) ดันเจี้ยนนี้จะถูกแบ่งออกเป็น4 ประเภท ได้แก่ โจมตี, ป้องกัน, สนับสนุน และก่อกวน (CC)
ดันเจี้ยน Territory of Chaos จะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 5-10 โหมดปกติได้
ดันเจี้ยน River of Fire
ในดันเจี้ยนนี้มีทั้งหมด 10 ดันเจี้ยนย่อยที่ผู้เล่นสามารถรวบรวมไอเทมต่าง ๆ ได้มากมาย อย่างไรก็ตามในดันเจี้ยน River of Fire นี้ จะมีข้อกำหนดในการเข้าผจญภัย เช่น จำนวนตัวละครที่เข้าได้ รวมถึงค่า HP จะไม่ฟื้นฟูเมื่อเข้าสู่รอบต่อไป
ดันเจี้ยน River of Fire จะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 5-21 โหมดปกติได้
ดันเจี้ยน Evil Suppression
ผู้เล่นสามารถออกล่าเหล่ามอนสเตอร์ตัวยักษ์ได้ในดันเจี้ยนนี้ ระดับความยากของมอนสเตอร์เหล่านี้จะมี 5 ระดับ และหากผู้เล่นสามารถล้มสัตว์ประหลาดยักษ์นี้ได้ ผู้เล่นจะได้รับวัตถุดิบต่างๆ ไปจนถึงกล่อง Relics เมื่อเปิดออกมาแล้วจะได้รับพิมพ์เขียวเพื่อใช้ในการคราฟต์เซ็ตไอเทมพิเศษ
ดันเจี้ยน River of Fire จะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 8-21 โหมดปกติได้
หอคอย Scalar
ณ หอคอย Scalar ผู้เล่นจะมีโอกาสได้รับไอเทมจำนวนมาก สิ่งที่ผู้เล่นต้องทำคือการตะลุยหอคอยไปยังชั้นที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยระดับ (Rank) ของผู้เล่นจะขึ้นอยู่กับจำนวนชั้นที่เคลียร์ได้ เวลาที่เคลียร์ได้ และจำนวนดาวที่ได้รับ ผู้เล่นสามารถตรวจสอบภารกิจของแต่ละชั้น และทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อรับรางวัลพิเศษ หอคอย Scalar จะสามารถขึ้นได้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 ตัวละคร ต่อ 1 วัน โดยเวลารีเซ็ตหอคอยคือเวลาตี 4 (UTC+9) หรือประมาณ 11 โมงเช้าของประเทศไทย
หอคอย Scalar จะปลดล็อคเมื่อเอาชนะด่าน 9-21 โหมดปกติได้
สามารถติดตามข้อมูลเกมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://xrosschronicle.line.games/
หรือดาวน์โหลดเกมได้ที่ iOS และ GooglePlay