ไอดอลวัยรุ่น พอร์ช ศิฑา – ออนนี่ ภัณฑิราพร แชร์เทคนิคการเรียนและวิธีอ่านหนังสือ

ส่งท้ายช่วงปิดเทอม ต้อนรับการกลับไปใส่ชุดนักเรียนอีกครั้ง กับ กิจกรรม Back to School ของโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์ ที่ครั้งนี้ได้ทำการเปิดบ้านชั้น 13 ตึกวิทยกิตต์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า Siam Oasis ให้ ‘พอร์ช-ศิฑา กาญจนอลงกรณ์’ นิสิตหน้าใส ไอดอลขวัญใจวัยรุ่น ได้ขึ้นเวทีร่วมแชร์เทคนิคการเรียนและประสบการณ์ตรงในฐานะนิสิตคณะทันตแพทยศาสตร์ ปี 5 จากรั้วจุฬาฯ พร้อมกับ ‘ออนนี่-ภัณฑิราพร ดอนสกุล’ น้องม.5 สายศิลป์-คำนวณ จากเตรียมอุดมฯ ที่ขนเอาความสดใสสมวัยและวิธีการอ่านหนังสือที่การันตีการสอบติดเตรียมอุดมฯ มาฝากเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ให้ได้ลองเอาไปใช้กันด้วย

อัลบั้มภาพ 1 ภาพ

พอร์ช ศิฑา – ออนนี่ ภัณฑิราพร
แชร์เทคนิคการเรียนและวิธีอ่านหนังสือ

เพราะรู้ตัวช้า เลยอยากให้ทุกคนรู้ตัวให้เร็ว

พอร์ช-ศิฑา เปิดเวทีครั้งนี้ด้วยคำสารภาพว่าในช่วงม. 6 ที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันอยู่นั้นตัวเขาเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร จนกระทั่งได้ไปพบทันตแพทย์เพื่อทำฟัน จึงจุดประกายความอยากเป็นหมอฟันให้เกิดขึ้นในวันนั้นเอง โดยเมื่อตั้งเป้าหมายได้ ก็ทำให้สามารถรู้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ซึ่งเดิมทีพอร์ชเองก็ไม่ใช่คนที่ตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่ จึงทำให้ต้องเก็บเนื้อหาการเรียนใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ของ ม.4-ม.6 เพื่อเตรียมตัวสอบให้ได้ในคณะที่ตั้งใจไว้ ดังนั้น การรู้ตัวให้เร็วและการกำหนดเป้าหมายได้ชัดเจน จะทำให้เราสามารถเตรียมตัวได้ทันและมีความมั่นใจในการสอบมากขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่รู้ตัวก็รีบหาคำตอบให้เจอ จะได้เตรียมตัวสอบได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ใช้เทคนิค One page และ Memologic

ด้วยระยะเวลาในการเตรียมตัวที่มีอยู่อย่างน้อยนิด เพราะมารู้ตัวว่าอยากเป็นหมอฟันก็ตอน ม.6 แล้ว ทำให้พอร์ชต้องใช้เทคนิคการเรียนและการอ่านหนังสือในรูปแบบต่าง ๆ เข้าช่วย เพื่อลดระยะเวลาในการอ่าน การจำและที่สำคัญที่สุดคือดึงเอาไปใช้ในการสอบได้อย่างรวดเร็วโดยเทคนิคที่พอร์ชอยากแชร์คือ One Page ที่สรุปรวมทุกอย่างให้เข้าใจในหน้าเดียว ใช้เวลาอ่านทวนสั้น ๆ ก็เข้าใจภาพรวมทั้งหมด กับเทคนิค Memologicที่ช่วยให้จำได้ขึ้นใจทั้งการออกเสียงและความหมาย ซึ่งเมื่อไหร่ที่มองเห็นหรืออ่านเจอก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าคำ ๆ นี้มีความหมายอย่างไร นอกจากนี้ พอร์ชยังบอกอีกว่าวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาสำคัญที่ช่วยเรื่องคะแนน ในขณะเดียวกันก็ควรทวนวิชาที่ตนเองมั่นใจเป็นอันดับแรก ๆ

พอร์ชกับคณะทันตะฯ ของเขา

และในฐานะรุ่นพี่ที่ใช้ชีวิตอยู่ในคณะทันตแพทยศาสตร์มาถึง 5 ปี พอร์ชเลยแชร์ประสบการณ์การเรียนในคณะนี้ว่า “3 ปีแรกจะเป็น pre clinic ก็คือเรียนวิชาการ ส่วน 3 ปีหลังจะเป็น clinic ก็คือเริ่มรักษาคนไข้จริง ๆ” นอกจากนี้ หนุ่มพอร์ชยังบอกอีกว่าการเรียนเป็นสิ่งที่ดี ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักจัดการความเครียดของตัวเองที่เกิดขึ้นด้วย จึงจะทำให้เรียนอย่างมีความสุข ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “อยากให้ทุกคนค้นหาตัวเองให้เจอ มี plan ของตัวเอง ไม่อยากให้อ่านหนังสือแบบลอย ๆ ถ้ารู้ตัวว่าพื้นฐานไม่ดีก็ให้เริ่มอ่านพื้นฐานก่อน และการลองทำข้อสอบจะทำให้มีสมาธิมากกว่าอ่านเฉย ๆ ช่วยให้ไม่ตื่นเต้นกับข้อสอบด้วย สุดท้ายก็คือ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง อย่าโทษตัวเอง”

ตั้งใจเรียนในห้อง-ใช้เวลาเตรียมตัวสอบ 1 ปีเต็ม

ด้านสาวน้อยคนเก่ง ออนนี่-ภัณฑิราพร ก็ร่วมเปิดเผยถึงเทคนิคในการเรียนและสอบที่ทำให้สามารถสอบติดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาว่าต้องตั้งใจเรียนในห้องให้เข้าใจ ซึ่งจะสามารถลดภาระในการอ่านหนังสือได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากออนนี่เป็นเด็กกิจกรรมที่รักในการเรียนพร้อม ๆ กับชื่นชอบที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ การใช้เวลาในห้องเรียนอย่างเต็มที่ จึงเปิดโอกาสให้สามารถใช้เวลานอกห้องเรียนไปกับสิ่งที่ตนเองสนใจได้ นอกจากนี้ การเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมฯ ของออนนี่ก็ใช้เวลาในการเตรียมตัวประมาณ 1 ปีเต็ม โดยเป็นช่วงเวลา 1 ปีที่ทุ่มเทและตั้งใจเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมาย ซึ่งออนนี่จะเริ่มอ่านหนังสือจากวิชาที่ชอบก่อน เพราะจะทำให้มีความสุขและไม่เครียด ก่อนที่จะอ่านวิชาอื่น ๆ ที่ชื่นชอบในอันดับรองลงมา

เรียนอังกฤษอย่างมีความสุขกับ Memolody

ออนนี่เปิดเผยถึงเทคนิคที่ใช้ในการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นวิชาที่สำคัญมากสำหรับเด็กสายศิลป์-คำนวณ ว่าใช้เทคนิค Memolodyช่วยในการท่องจำคำศัพท์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยเทคนิคนี้ช่วยให้จำคำศัพท์และรู้ความหมายของคำศัพท์ได้มากขึ้น ทำให้เรียนสนุกมากขึ้น โดยอยากให้ทุกคนใส่ใจกับวิชาภาษาอังกฤษกันให้มาก เพราะเป็นวิชาที่สำคัญและเป็นตัวช่วยในการทำคะแนนในการสอบได้เป็นอย่างดี

กล้าที่จะฝัน ต้องกล้าที่จะทำ

และก่อนที่จะโบกมือบ๊ายบายกันไป ออนนี่ ได้ทิ้งท้ายถึงเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ทุกคนว่า การที่เรากล้าที่จะฝัน ก็ต้องกล้าที่จะทำ เพื่อความฝันนั้นจะได้กลายเป็นจริง และอยากให้ทุกคนตั้งใจเรียนในห้องเรียนกันให้มากที่สุด เพราะเมื่อเข้าใจในบทเรียนแล้ว ก็จะใช้เวลาทบทวนน้อยลง มีเวลาทำอย่างอื่น หรืออ่านวิชาอื่นได้มากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเอ็นคอนเส็ปท์

—————————————————————-