วันแม่ วันแม่แห่งชาติ เขียนเรียงความ

เรียงความวันแม่ เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ

รวบรวมตัวอย่าง เรียงความวันแม่ เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ

Home / CAMPUS / เรียงความวันแม่ เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ

เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคมนี้เป็น “วันแม่แห่งชาติ” น้องๆ หลายคนก็คงอยากจะเขียนกลอน เรียงความ เกี่ยวกับคุณแม่ รวบรวมตัวอย่าง เรียงความวันแม่ เนื่องในวันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ มาฝากกันค่ะ

เรียงความวันแม่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ

ซึ่งเป็นผลงานของน้องๆ ที่อยู่ในวัยเรียนมาให้ดูเป็นแนวทางนะคะ บอกเลยว่าแต่ละคนเขียนถึงคุณแม่ได้น่าชื่นชมมา แต่เหนือสิ่งอื่นใดการบอกจากใจเป็นคำพูดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่าลืมบอกรักคุณแม่กันด้วยนะคะ…

เรียงความเรื่อง : “ แม่”

ผลงานของ : นางสาวนูรยันนะห์ แวดือเร๊ะ จังหวัดปัตตานี ได้รางวัลชนะเลิศ

ทุกคนบนโลกใบนี้เกิดมาย่อมมีผู้ให้กำเนิด นั่นก็คือ “แม่”  จะเชื้อชาติใด  ภาษาอะไร  ศาสนาไหน  จะร่ำรวยหรือยากจน  คำว่า “แม่”  เป็นคำแรกที่ลูกทุกคนเปล่งออกมายามที่เริ่มหัดพูด  และเป็นคำแรกที่คนเป็นแม่รอคอยที่อยากได้ยินเช่นเดียวกัน  “แม่”  คำสั้นๆ แต่มีความหมายยิ่งใหญ่มหาศาล  เป็นคำที่ประเสริฐด้วยพระคุณอย่างล้นเหลือ  และคงไม่มีคำใดในโลกนี้ที่มีความหมายในตัวมันเองมากมายจนเกินคำบรรยาย อย่างคำว่า “แม่”  เพราะการให้กำเนิดลูกสักคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย   เก้าเดือนที่ต้องคอยทะนุถนอม  คอยดูแลเอาใจใส่ในทุกๆ เรื่อง  ทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังตลอดเวลา  เพื่อให้ลูกน้อยแข็งแรงและปลอดภัย   เป็นบุคคลคนเดียวที่มีความอดทนสูงกับการรอคอยที่ยาวนาน  กว่าจะกลายเป็นผู้ให้กำเนิด  กำเนิดสิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าประทานลงมาที่เรียกว่า “ลูก”   เพื่อมาเติมเต็มในส่วนของครอบครัวให้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์

ในวันที่เด็กคนหนึ่งได้มีโอกาสลืมตาดูโลก  ใครคนหนึ่งกลับต้องอยู่บนความเป็นความตายกับความเจ็บปวดหนักหนาสาหัสจนแทบขาดใจ เพื่อให้กำเนิดลูกน้อยของตัวเอง  หวังเพียงแค่…ให้ลูกน้อยปลอดภัยก็สุขใจ

ใครคนหนึ่งที่มีชื่อแทนตัวมากมายไม่ว่าจะเป็น  มาเทอร์ (Mother)” “มัม (Mom)”  มาม้า  มามี้  มามอง โอก้าซัง  อ่อมมา  อุมมี  ฯลฯ  ทุกชื่อล้วนแต่มีความหมายเดียวกัน นั้นก็คือ ผู้ให้กำเนิด  ซึ่งคนไทยอย่างฉันเรียกว่า “แม่”

“แม่”  ครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้หญิงคนนี้  ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนั้นเป็นอย่างไร  แต่ฉันมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ถ้ามีเขาอยู่ข้างๆฉันจะปลอดภัยและอบอุ่น แม่เป็นคนบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเหนือกว่าคนอื่นๆ เลยด้วยซ้ำ  ทำงานหนักมาตลอด  ทำกับข้าวอร่อย  แม้แม่ไม่ได้เรียนหนังสือจบมาสูงๆ

แต่แม่ก็เห็นคุณค่าของการศึกษา  พยายามส่งเสียให้ฉันได้ร่ำเรียนเหมือนลูกคนอื่นๆทั่วไป  แม่มักจะน้อยใจบ่อยๆ เวลาที่ฉันดื้อกับแม่ จนทำให้แม่โกรธแต่แม่ก็ไม่เคยโกรธได้นานเสียที  ไม่เคยนินทาหรือพูดให้ร้ายคนอื่นให้ฉันได้ยิน  แม่ทำให้ฉันซึ้งกับคำว่า “ให้”  “ให้”ในสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะสามารถทำให้ลูกได้  แม่มอบแต่สิ่งที่ดีๆ จนฉันจะกลายเป็นคนตาบอดเสียแล้ว  ที่มองเห็นแต่แม่ของตัวเองดีเลิศกว่าแม่คนอื่นๆ

แม่เป็นกำลังใจที่ดีที่สุดของฉัน แม่ทำให้ฉันเห็นความสำคัญของกำลังใจ  แม่บอกว่า “กำลังใจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในยามที่เราผิดพลาดหรือเสียใจ  มันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เราต่อสู้เพื่ออยู่กับวันพรุ่งนี้และอนาคตอย่างสบายใจ”   แต่บางครั้งแม่ก็ทำให้ฉันต้องร้องไห้  เพราะทุกค่ำคืนยามที่ฉันและน้องๆ นอนหลับสบาย   แม่กลับลุกขึ้นมาสวดมนต์ของพรจากพระเจ้า      และที่ทำให้ฉันต้องนอนน้ำตาไหลและตื้นตันใจที่สุด   ก็เพราะคนที่แม่ขอพรให้  กลับเป็นฉันและน้องๆแทนที่แม่จะขอให้ตัวเอง  ชื่อของลูกๆที่ แม่เอ่ยยามขอพรจากพระเจ้า  ช่างเป็นเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนเหลือเกิน   ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไรหากไม่มีผู้หญิงคนนี้  คนที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน  คนที่ให้ชีวิตทั้งชีวิต  ให้ที่ซุกหัวนอน ให้อาหารการกิน ให้เสื้อผ้าอาภรณ์ ให้ความสุขสบาย  และสารพัดที่แม่ทำให้    จนฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำให้แม่  จะได้สักครึ่งหนึ่งหรือสักเศษเสี้ยวหนึ่งของแม่ที่ทำให้ฉันหรือเปล่า

“แม่” ของฉัน  ก็คงไม่ต่างกับแม่คนอื่นๆ บนโลกใบนี้ ที่หวังให้ลูกเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนและมีอนาคตที่สดใส ประสบความสำเร็จในชีวิต  แต่ความหวังของแม่ไม่เคยทำให้ฉันลำบากใจหรือกดดันแต่อย่างใด  เพราะสิ่งที่แม่หวัง อยู่บนพื้นฐานของความพอดี แม่ขอแค่ให้ฉันทำเท่าที่ความสามารถของฉันมีและฉันมีความสุขกับสิ่งที่ทำ ความหวังของแม่ก็ประสบผลแล้ว

แม่เคยบอกว่าฉันคือความภาคภูมิใจของแม่  ฉันเป็นของขวัญที่แม่ภูมิใจ   มันรู้สึกดีแค่ไหนที่ตัวเองได้เป็นสิ่งดีๆ สำหรับ “แม่”   ฉันไม่รู้ว่าแม่พูดเพื่อให้ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองหรืออะไรกันแน่  แต่ฉันคิดว่าสิ่งที่แม่พูดทำให้ฉันไม่กล้าทำในสิ่งที่ไม่ดี  เพราะกลัวจะบั่นทอนความภาคภูมิใจของแม่    มันเลยกลายเป็นเกราะที่คอยป้องกันไม่ให้ฉันทำในสิ่งที่ผิดพลาดหรือนอกลู่นอกทาง ก็เพราะฉันรู้ว่า ฉันเป็น“สุดที่รัก” ที่แม่ “รักที่สุด”   มากมายในสิ่งที่แม่มอบให้ ความรักที่ไม่มีใครเทียบได้ ทุกอณูความทุกข์ ความลำบาก ความเหนื่อยยาก  ก็เพียงทำเพื่อ “ลูก”   แม่ทำให้ฉันมองโลกในแง่ดี   เห็นค่าของตัวเองและอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุข

ใครว่า…..ครอบครัวต้องร่ำรวย  ถึงจะมีความสุข     ไม่จริงหรอก….ความสุขมีได้ทุกครอบครัว ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือ ยากจน อยู่ที่คนในครอบครัวว่าเลือกที่จะมีความสุขในสิ่งตัวเองมีหรือเปล่า

ใครว่า…..ต้องมีบ้านหลังโตๆ    ถึงจะมีความอบอุ่น  ไม่จริงหรอก….บ้านเล็ก ๆ อบอุ่นมากมาย  เพราะไม่มีที่ว่างให้ได้เงียบเหงา

ใครว่า…..บ้านต้องมีรั้วสูงๆ ถึงจะปลอดภัย   ไม่จริงหรอก…..แค่มีพ่อแม่อยู่ในบ้านคอยเป็นบอดีการ์ดให้  ปลอดภัย แถมอุ่นใจอีกต่างหาก

ใครว่า…..ต้องมีเงินเยอะๆ ถึงจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างมา   ไม่จริงหรอก….บางสิ่งบางอย่าง   เงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้   และบางสิ่งบางอย่างที่ไม่จำเป็น เราก็ไม่ควรมี

ใครว่า…..ต้องนั่งรถเก๋งคันหรู  ถึงจะดูโก้   ไม่จริงหรอก…..นั่งรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของแม่  เท่ห์กว่าไหนๆ

ใครว่า…..เป็นคนรวยแล้วใครๆก็รัก     ไม่จริงหรอก…..ความรักมากมายที่ฉันได้รับจากแม่  คนรวยบางคนยังไม่มีโอกาสพบเจอด้วยซ้ำ

ใครว่า….ครอบครัวต้องมีทุกอย่าง ถึงจะสมบูรณ์    ไม่จริงหรอก…..ตราบใดที่มีพ่อ แม่ ลูก ครอบครัวก็ถือว่าสมบูรณ์  แม้จะขาดพ่อหากยังมีแม่อยู่  ครอบครัวก็ยังสมบูรณ์   เพราะแม่สามารถเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ในเวลา เดียวกัน

ฉันจำได้ว่ามีหลายๆ ประโยคที่มักได้ยินบ่อยๆ เมื่อใครต่อใครพูดถึงสถาบันครอบครัว หรือข้อความที่เห็นตามหนังสือทั่วๆไป เป็นต้นว่า “ครอบครัว เป็นแค่จุดเล็กๆที่สุดในสังคม แต่ก็มีความสำคัญที่สุดในโลก”  บ้างก็ว่า“ครอบครัวเป็นด่านแรกที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาต่างๆ  ไม่มีสถาบันใดจะสามารถ “เพาะ” หรือ “สร้าง”  คนได้ดีไปกว่า “ครอบครัว ”  ทุกข้อความหรือคำพูดที่ทุกคนสื่อออกมา  ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวทั้งนั้น

ครูคนแรกของลูกทุกคนก็คือ “แม่”  ผู้ที่คอยอบรมสั่งสอน ตักเตือน บ่มนิสัยและปลูกฝังในสิ่งต่างๆ รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก

แม่บอกว่า….ไม่มีใครสอนลูกได้ดีไปกว่าแม่  เพราะแม่สอนด้วยความรัก  ตีก็เพราะรัก

แม่บอกว่า…..คนเป็นลูกที่ดี  ต้องกตัญญูต่อพ่อแม่และดูแลเมื่อยามท่านแก่เฒ่า เพราะสิ่งที่ลูกทำให้พ่อแม่ในวันนี้จะ ส่งผลให้ลูกเมื่อวันที่ลูกกลายเป็นแม่คน มีลูกของตัวเอง

แม่บอกว่า…..คนเป็นลูกที่ดี  คือลูกที่ขอพรให้พ่อแม่ทุกคืนวัน    เป็นการแสดงให้เห็นว่าลูกยังระลึกถึงพ่อแม่เสมอ และต่อไปเมื่อลูกมีลูกของตัวเอง ลูกจะได้ขอพรให้ลูกของลูกได้  เพราะพรอะไรในโลกที่ว่าวิเศษ  ก็  ไม่เท่าพรของพ่อแม่ที่แสนประเสริฐ

แม่บอกว่า….คนเป็นลูกที่ดี  ต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง  หน้าที่พื้นฐานที่ควรทำก็คือหน้าที่ที่ลูกพึงมีต่อพ่อแม่   หาก หน้าที่พื้นฐานนี้ทำไม่ได้  จะมีประโยชน์อะไรกับชีวิตที่ขาดหน้าที่ แล้วจะรับผิดชอบอะไรใครได้  เมื่อ คนเขาไม่เชื่อถือ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่สอนสั่งก็เพียงให้ลูกได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิต และมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง    ฉันดีใจที่ ณ วันนี้ฉันยังมีแม่อยู่   ดีใจที่ฉันยังมีโอกาสได้เรียก “แม่”   ได้มีช่วงดีๆ ของชีวิตในการตอบแทนคุณความดีของแม่   ฉันเคยคิดเสมอว่าตัวเองโชคดีกว่าคนอื่นอีกหลายๆ คนที่เขาไม่มีแม่ ไม่มีโอกาสตอบแทนพระคุณของแม่

ดีใจที่ในวันนี้ยังมีแม่ให้ได้เรียกหา  เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร  ใครคนใดคนหนึ่งอาจจะพรากจากกันไปโดยไม่มีแม้แต่คำล่ำลา  มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่  หากวันใดคนที่มีความสำคัญที่สุดกลับห่างหายและจากกันไปชั่วนิรันดร์  ความรู้สึกของลูกคงจะสลาย  ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงในการยืนหยัด ต่อสู้  หมดสิ้นกำลังใจ  ชีวิตก็คงดูไร้ค่า  แม้จะร้องไห้สักพันครั้ง  น้ำตาไหลรินสักล้านหยดก็คงจะเรียกคืนในสิ่งที่สูญเสียไม่ได้

ก่อนที่ทุกอย่างจะสาย  ก่อนจะไม่มีโอกาส  ก่อนที่กาลเวลาจะผ่านเลยไปอย่างไร้ความหมาย  อย่าปล่อยให้แม่มองเราเพียงข้างหลังตามลำพัง  หันกลับมามองท่านบ้าง  ถามสารทุกข์สุขดิบของท่าน  สร้างความภาคภูมิใจยินดี  ความอิ่มเอิบใจ  ความสุขใจ  เหล่านี้ให้ท่านบ้าง  มันคงดีไม่น้อยหากวันนี้ คนเป็นลูกกลับเป็นฝ่ายยืนอยู่ข้างหลังแม่  คอยมองความเป็นไปของท่านด้วยจิตสำนึกที่ลูกพึงมีต่อผู้เป็นแม่

เพราะฉันเชื่อว่า  ช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของลูกคนหนึ่งจะสมบูรณ์และมีความสุขที่สุด  ก็คือ  ช่วงที่ได้อยู่กับพ่อแม่และมีพ่อแม่อยู่  ตราบใดที่โลกใบนี้ยังคงหมุน  กาลเวลาไม่หยุดนิ่ง  แน่นอนการเกิด แก่ เจ็บ ตาย  ทุกชีวิตย่อมต้องพบเจอ  ฉันไม่อยากให้ตัวเองพลาดโอกาสดีๆ ในการตอบแทนพระคุณของแม่  แค่อยากให้ท่านมีความสุข ให้สมกับที่ท่านมีชีวิตอยู่เพื่อทำให้คนรอบข้างมีความสุข  ไม่อยากให้กาลเวลาพรากเอาสิ่งดีๆที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป โดยไม่คิดทำอะไรเลย  แม้ความสำคัญนั้นไม่ได้อยู่ที่ระยะเวลา แต่หากละเลยปล่อยเลยไปโดยไม่คิดจะเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆ ที่ควรแก่การจดจำ   ชีวิตที่เหลืออยู่คงจะไร้ความสุขและคงอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอด

เพราะ  “แม่” คือ ผู้ให้ ให้ความรัก ความเมตตา ความอบอุ่น ความเอาใจใส่ ความปลอดภัย ความผูกผัน ความปรารถนาดี ให้ในสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถให้ได้อย่างบริสุทธิ์ใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

“ แม่”  คือ ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ เพื่อความสุขของลูก
“แม่”   คือ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่คอยแบกรับภาระที่แสนหนักหนา
“ แม่”  คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนในครอบครัว
“ แม่”  คือ ผู้ที่คอยสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าเพื่อลูกทุกคืนวัน
“แม่”   คือ ผู้ที่ทุกข์ใจที่สุดเมื่อเห็นลูกเสียใจ ร้องไห้ หรือเจ็บปวด
“แม่”   คือ  ผู้ที่ทุกวินาทีมีแต่ให้อภัย ร้อยล้านความผิดของลูกที่คนอื่น ไม่ใยดี แต่แม่เพียงคนเดียวที่ให้อภัยเสมอ
“ แม่”  คือ  ผู้ที่มีพระคุณที่สุดในโลก  ไม่มีสิ่งล้ำค่า ใดๆในปฐพี จะเทียมเท่าพระคุณของ “แม่”

ที่สุด…..ของที่สุด  “แม่”  คือ  ผู้ให้กำเนิดเพียงคนเดียวไม่มีสอง เพราะลูกทุกคนมี….  “แม่”….ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น

ขอบคุณที่มา muslimthaipost.com

เรียงความเรื่อง : แม่คือผู้ให้..คือผู้สร้างทางชีวิต

(ได้รับรางวัลชมเชยเนื่องในโอกาสวันแม่ปี ๒๕๕๑ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย)

คือ “ ผู้ให้ ” ไม่หวังสิ่งตอบแทน   คือ “ ผู้สร้าง ” แบบแผนแจ้งประจักษ์ คือ “ ผู้มอบ ” ความรู้คู่ความรัก    คือ “ แม่ ” ผู้เหนื่อยหนักตลอดมา แม้ชีวิตจะเกี่ยวข้องกับพจนานุกรมอยู่เสมอ  แต่มีคำอยู่คำหนึ่งที่ฉันไม่เคยคิดจะเปิดหาความหมายเลย  แม้แต่ครั้งเดียว  ด้วยรู้ดีว่าไม่มีพจนานุกรมเล่มใดที่จะอธิบายความหมายของคำคำนี้ได้อย่างครบถ้วน  และสมบูรณ์อย่างแท้จริง

“ แม่ ” คำที่มีลักษณะห้วนสั้น  แต่พร้อมพรั่งไปด้วยความหมายอันยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้  เพราะแม่คือ “ ผู้ให้ ” ผู้อุทิศกายใจเพื่อลูกทุกเสี้ยววินาที และแม่คือ “ ผู้สร้าง ” ผู้หล่อหลอมความดีความงามทั้งมวลแก่เผ่าพันธุ์มนุษยชาติ

ความรักของแม่ คือ รักแท้อันบริสุทธิ์  สายใยแห่งความรักระหว่างแม่กับลูกเริ่มก่อเกิดนับตั้งแต่วินาทีแรกที่แม่รับรู้ว่า  ยังมีอีกชีวิตหนึ่งถือกำเนิดอยู่ในครรภ์  “ แม่คือผู้ให้ชีวิต ”  ให้ดวงตาสองข้างอันเปรียบดังบานประตูสู่โลกกว้าง ให้สองหูอันเป็นบันไดไปสู่การเรียนรู้  ให้สองมือ สองเท้าเพื่อดำเนินชีวิตบนโลกแห่งประสบการณ์  เหนือสิ่งอื่นใด แม่ได้ให้ความรัก อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรักทั้งมวลบนโลกใบนี้

ใครกันหนออุปมาว่าแม่เปรียบเสมือนดอกมะลิ  สีขาวของกลีบดอกนั้น

คงเป็นเครื่องสะท้อนถึงรักแท้จากดวงใจบริสุทธิ์  รักนั้นช่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงดังกลิ่นหอมอ่อนๆที่กรุ่นกำจายอยู่มิรู้หาย  หากมีใครสักคนตีค่าความรักเป็นราคา ความรักของแม่คงเป็นความรักที่ราคาแพงอย่างประเมินค่ามิได้  ด้วยเนื้อแท้แห่งรักบริสุทธิ์ที่เปล่งประกายอวดโฉมอยู่ตลอดเวลาช่างงดงามนัก  แม้เพชรพลอยเลอค่าก็มิอาจเทียบได้

เก้าเดือนที่แม่โอบอุ้มลูกน้อยเอาไว้ในครรภ์  คือเก้าเดือนแห่งความรัก เก้าเดือนแห่งความผูกพัน เก้าเดือนแห่งความห่วงใย  และเก้าเดือนแห่งการรอคอย แม่ต้องเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสในวันที่ลูกใกล้คลอด  ดังบทกวีอมตะของท่านพุทธทาสภิกขุที่ลิขิตเอาไว้ว่า

วันเกิดลูกเกือบคล้ายวันตายแม่        เจ็บท้องแท้เท่าไรก็ไม่บ่น

    กว่าจะอุ้มท้องกว่าคลอดรอดเป็นคน           เติบโตจนป่านนี้นี่เพราะใคร

ถึงแม่ต้องเจ็บปวดสักเพียงใดก็ตาม  แต่วินาทีแรกที่ได้เห็นดวงตาอันสุกใสของลูกน้อยความเจ็บปวดทั้งมวลก็อันตรธานไปจนแทบหมดสิ้น  ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มและความปลื้มปิติของผู้ให้กำเนิด  เมื่อได้รับน้ำนมหยดแรกจากแม่  ลูกจึงรับรู้ได้ถึงความรักความผูกพันอันยิ่งใหญ่

หยดน้ำนม หยาดน้ำแห่งชีวิต  ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจสำหรับช่วงเวลาของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีอีกชีวิตหนึ่ง  “ อื่อจาๆ หลับสองต๋า ถ้าแม่มาค่อยตื่น ถ้าหลับบ่จื้น  ก็ค่อยหลับแหม ”

แม้จะล่วงเลยวัยเด็กมานานถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว  ฉันก็ยังจำเสียงเห่กล่อมของแม่และสัมผัสเปี่ยมรักของท่านได้เสมอ  เสียงของแม่มิได้ไพเราะเพราะพริ้งราวกับระฆังทองหรือนักร้องมืออาชีพ กลับเป็นน้ำเสียงของผู้หญิงธรรมดาๆแต่อบอุ่นและปลอดภัย เมื่อได้ยินเสียงขึ้นมาคราใดก็รับรู้ได้ทันทีว่าจะไม่มีเคราะห์ภัยใดมากล้ำกลายได้ เพราะแม่เสียสละเพื่อลูกได้แม้กระทั่ง “ ชีวิต”

เมื่อถึงวัยที่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาล  ฉันเป็นเด็กที่ร้องไห้ยาวนานที่สุด จนเป็นที่เอือมระอาของคุณครู  เนื่องจากฉันเป็นเด็กที่ติดแม่มากจึงมีความรู้สึกว่าไม่มีอ้อมกอดใดจะปลอดภัยเท่ากับอยู่ภายในอ้อมแขนของท่าน “ อ้อมกอดแม่คือต้นกำเนิดแห่งกำลังใจ ” เมื่อเจริญวัยขึ้น  วันใดที่ชีวิตประสบปัญหา อ้อมกอดของแม่จึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะจุดพลังในใจดวงนี้ให้ลุกโชติช่วง  ฉันเคยถามตนเองอยู่เสมอว่า ทุกๆครั้งที่พานักเรียนไปอบรมธรรมะ เมื่อพระอาจารย์วิทยากรสั่งสอนเกี่ยวกับความกตัญญูกตเวที  เหตุใดฉันจึงน้ำตาซึมอยู่เสมอ    เมื่อท่านเอ่ยถึง “ สตรีผู้หนึ่งที่อดทนเพื่อลูกเสมอ  พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปโอบกอด  เช็ดน้ำตา และอภัย ทุกคราวที่ลูกพลาดพลั้งหลงทางผิด”เมื่อเวลาผ่านไปจึงได้คำตอบว่า   แท้จริงแล้วถ้อยคำเหล่านี้ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ  และกลับกลายเป็นน้ำทิพย์ชโลมใจให้ฉันลุกขึ้นมาต่อสู้กับอุปสรรคที่ดาหน้าเข้ามาอย่างไม่หวั่นเกรง

วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการแบบอย่าง  แม่จึงเป็นครูแห่งชีวิต เป็นแบบพิมพ์ชั้นดีให้แก่ลูกโดยไม่รู้ตัว คำสั่งสอนของแม่นั้นจะช่วยเติมเต็มความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุด  คำสอนของแม่ปลูกฝังจิตสำนึกและจิตวิญญาณ  ท่านจึงเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยสร้างสังคมให้เข้มแข็ง ฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้นำคำสอนของแม่มาประพฤติปฏิบัติ  เพราะรู้ดีว่า..แม่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกอยู่เสมอ

ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าฉันมีวันนี้เพราะแม่  แม่คือเบื้องหลังของทุกความสำเร็จ หยาดเหงื่อทุกหยดของแม่เป็นกาวชั้นดีในการสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นแม่ของฉันไม่ใช่สตรีที่ร่ำรวยความรู้หรือเงินทอง  แม่เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกได้  เหงื่อแต่ละหยดของแม่แลกเปลี่ยนเป็นเงินทองเพื่อให้ลูกได้ร่ำเรียนสูงๆ  ฉันจึงกอดแม่ได้เสมอแม้ในยามที่เหงื่อแม่โซมกาย  หรือยามที่มือหยาบกร้านของแม่แปดเปื้อนด้วยดินโคลน

จากนี้จนสิ้นใจ…ฉันก็คงไม่สามารถตอบแทนพระคุณแม่ได้หมด พระคุณอันล้นฟ้านี้  ความสามารถทางการเขียนอันน้อยนิดของฉันคงไม่มีวันที่จะพรรณนาได้  แต่ฉันรู้ดีว่ามีภาระยิ่งใหญ่ที่ต้องกระทำ  คือ  การทำให้บั้นปลายของท่านมีความสุขที่สุด  นั่นคือการเป็นลูกที่ดีและเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ให้สมกับที่“ สองมือแม่ได้ปั้นแต่งความเป็นคน ” เอาไว้แต่หนหลัง

การเขียนเป็นงานที่ฉันรัก  จึงทำให้ฉันได้รับรางวัลจากการเขียนมา

หลายรายการ  แต่การเขียนที่ยากที่สุด  คือการเขียนถึง “ แม่ ”  บุคคลผู้อยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อมมือ  แต่ทำให้ฉันกลัวเหลือเกินว่าจะบรรยายถึงความยิ่งใหญ่ของคำว่าแม่ได้ไม่เพียงพอ  ทุกครั้งที่จรดปลายปากกาลงบนกระดาษยังกังวลเสมอว่าจะดึงความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมาได้ไม่หมด  แล้วมันก็จริง..ตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้ายที่บรรยายออกมา  ยังไม่เทียบเท่าเศษเสี้ยวของความรู้สึกทั้งปวงที่มีอยู่  ความอบอุ่นความปลาบปลื้ม ความซาบซึ้งมันช่างมากมายเหลือเกิน

หลายคนอาจเปรียบเปรยว่า  แม่คือพระพรหมในบ้าน , แม่คือพระอรหันต์ของลูก , แม่คือบุคคลอันศักดิ์สิทธิ์  แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่าหากรู้แล้วนิ่งเฉย  “เมื่อต้นไม้ย่อมมีวันโรยราแห้งตายฉันใด  ชีวิตมนุษย์ก็ย่อมมีวันสิ้นใจฉันนั้น ”   ชีวิตคนเรานั้นตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน และแขวนบนเส้นด้าย  อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจนมาถึงคำว่าสาย  หลายๆคนรู้สึกตัวในวันที่แม่หมดลมหายใจ  แต่หยดน้ำตาแห่งความเสียใจไม่สามารถทำให้ท่านฟื้นคืนมา  แล้วยิ้มให้เราในวันที่ประสบความสำเร็จ ซับน้ำตาในยามที่ปวดร้าว  โอบกอดในยามที่หวั่นไหว  หรือร้องไห้กับถ้อยคำแสนเจ็บปวดที่ลูกบางคนมอบให้  จงโอบกอดแม่ด้วยความรัก  จงกราบแม่อย่าเขินอาย เพราะแม่คือบุคคลที่อุทิศชีวิตให้แก่ลูก  จงทำให้ท่านมีความสุขตั้งแต่วินาทีนี้วินาทีที่ยังมีท่านอยู่เคียงข้าง   แม่คือเบ้าหลอม คือ ต้นแบบให้แก่ผู้เป็นลูกสองมือแม่คอยแต่งแต้มปลูกฝัง  ผลักดันลูกให้เดินไปตามเส้นทางที่ถูกที่ควร ดังสตรีผู้หนึ่งซึ่งเป็นแบบอย่าง แม่ผู้ให้..แม่ผู้สร้าง..อย่างแท้จริง

เมื่อไม่กี่วันมานี้ฉันได้อ่านข่าวอันสะเทือนความรู้สึกอย่างรุนแรงคือ การสูญเสีย ทหาร ตำรวจซึ่งปปฏิบัติหน้าที่พื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้  ในเช้าวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๑  เจ้าหน้าที่พลร่มถูกผู้ก่อความไม่สงบซุ่มโจมตีขณะออกลาดตระเวน  บริเวณบ้านสันติ ๑ อ.บันนังสตา   จ.ยะลา  เป็นเหตุให้ร.ต.ต.กิตติกุล  บุญลือ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  เขาคือ วีรบุรษที่ชาวไทยทุกคนอาลัยรัก และหลั่งน้ำตาให้  แต่คงเทียบไม่ได้กับดวงใจของผู้เป็นแม่ที่ต้องแหลกสลาย   เมื่อยามได้เห็นร่างอันไร้วิญญาณของลูก  ผู้ยอมหลั่งเลือดตอบแทนบุญคุณของผืนแผ่นดินไทย  ท่าน  คือ  ผู้สร้างคนดี ผู้สร้างคนกล้า  และท่านคือ “ แม่ ” ผู้ยิ่งใหญ่

ภาระของแม่คือภาระอันหนักอึ้ง โดยเฉพาะภาระ “ แม่ของแผ่นดิน ” นั้น  เป็นภาระที่หนักหนาหลายเท่าทวีคูณ  เพราะการเป็นแม่ที่รับผิดชอบชีวิตลูกกว่าหกสิบล้านคนนั้นมิได้กระทำได้โดยง่าย  แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ แม่หลวงของปวงชนชาวไทยนั้น  กลับทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันทรงคุณประเสริฐ  ควบคู่ไปกับพระราชจริยวัตรแห่งความเป็นแม่ได้อย่างงดงาม

นับเป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้วที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการโดยมิได้ทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยพระวรกายหรือภยันตรายใดๆทั้งสิ้นพระองค์ทรงมีพระปณิธานอันแน่วแน่ที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์  โดยไม่เลือกถิ่นฐาน  เชื้อชาติ หรือศาสนา  ทรงเปรียบดังหยาดฝนที่ให้ความฉ่ำชื่นแก่มวลมนุษย์

การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนพสกนิกรอย่างไม่ถือพระองค์นั้น ทำให้ทรงเล็งเห็นปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจริง  จึงทรงพระราชทานพระราชดำริที่สามารถแก้ปัญหาในระยะยาว    ม่ว่าจะเป็นด้านชีวิตความเป็นอยู่  ทรงจัดบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถไปฝึกอบรมตามหมู่บ้านต่างๆ  เพื่อพัฒนาภูมิปัญญาชาวบ้าน จัดตั้งโรงฝึกศิลปาชีพขึ้นภายในพระราชวังสวนจิตรลดา  และศูนย์ศิลปาชีพบางไทร  เพื่อส่งเสริมฟื้นฟูศิลปะ  วัฒนธรรมของชาติมิให้สูญหายไปตามกาลเวลาทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เยาวชนยากจนและรับไว้เป็นนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์    แม้แต่เด็กปัญญาอ่อน เด็กเรียนช้าหรือเด็กพิการ  พระองค์ก็ทรงอุปถัมภ์บำรุงด้านการศึกษาโดยมิได้แบ่งแยกความสนพระทัยต่อราษฎรของพระองค์ยังไม่หมดลงเพียงเท่านี้   ทรงตระหนักถึงความสำคัญของกิจการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์และสภากาชาดไทย  ซึ่งเป็นองค์กรอาสาสมัครบรรเทาทุกข์  ทำหน้าที่คุ้มครองชีวิตและสุขภาพของคนในชาติ  นับเป็นบุญของพสกนิกรชาวไทยโดยแท้ที่มีพระแม่ผู้ให้…ผู้ทรงนำพาไทยให้ร่มเย็น

ด้วยพระวิริยะ อุตสาหะ และน้ำพระทัยห่วงใยทวยราษฎร์ ทำให้พระแม่ทรงสนพระทัยความเป็นไปของบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา  ทรงมีโครงการในพระราชดำริกว่าสี่ร้อยโครงการ ที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าพระองค์ทรงสร้างคน  สร้างอาชีพ  ตลอดจนสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน  และทรงใช้เวลาว่างอบรมทูลกระหม่อมทุกพระองค์ตามแบบอย่างประเพณีไทย  พระโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์จึงทรงดำเนินพระราชจริยวัตร  โดยยึดพระองค์เป็นต้นแบบ   ทำให้ทรงได้รับการสรรเสริญพระเกียรติคุณจากนานาประเทศว่าทรงมีพระสิริโฉมงดงาม  และทรงมีพระราชจริยวัตรเพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะแห่งรัตนารี  สมกับเป็น  พระแม่ผู้สร้าง..และแบบอย่างแห่งวิถีไทย

พระทรงเป็นแสงทอง                     อันฉายส่องทางวิถี

พระเปรียบสายนที                          ชุบชีวียามลำเค็ญ

พระทรงกรุณา                               บาทยาตราดับทุกข์เข็ญ

ไกลใกล้แม้ร้อนเย็น                         หัตถ์แม่สร้างทางให้เดิน

ทวยราษฎร์ประจักษ์แจ้ง        แจ่มใจ

 พระแม่ขจัดภัย                       ทั่วหล้า

สองกรกราบน้อมไหว้                   สำนึก  คุณเฮย

ดินจบแดนแผ่นฟ้า                          เกริกเกียรติขจร

ความรับผิดชอบของผู้เป็นแม่นั้นหนักหน่วง  เพราะการปั้นแต่งคนด้วยความดีงามนั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งดังนั้นลูกทุกคนควรรู้จักกตัญญูกตเวที กระทำตนเป็นคนดี มีคุณธรรม  รู้จักเสียสละ  รักษาชื่อเสียงของตนเองวงศ์ตระกูล  และประเทศชาติ  สมกับความวิริยะอุตสาหะของแม่ผู้ให้…และผู้สร้างทางชีวิต  ได้ตั้งปณิธานไว้

ขอบคุณที่มา  : หนังสือเรียงความเทิดพระคุณแม่  ในโอกาสวันแม่ปี ๒๕๕๑, pasasiam.com

ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ 1

ผลงานของ : นางสาวทิพรัตน์ อาจธัญกรณ์

คำว่าแม่ในความคิดของฉันนั้นคือ ผู้หญิงคนนึงที่ดูแลเรามาตั้งแต่ที่เราอยู่ในท้อง เลี้ยงดู อุ้มท้องมา9 เดือน เจ็บท้อง เพื่อคลอดเราออกมา ด้วยความเจ็บปวด ยอมเสียสละทุกๆอย่างเพื่อลูก ค่อยสนับสนุนทุกอย่าง สอนให้เราเป็นคนดี มอบความรักแก่เรา มีความห่วงใย ความหมายของแม่นั้นยิ่งใหญ่มากกว่าที่เราจะทดแทนหมดได้จริงๆค่ะ ตั้งแต่เด็กๆ ฉันจำได้ว่า ฉันดื้อมาก ดื้อไม่ค่อยจะฟังแม่ เป็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่ไม่ค่อยจะเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วๆไป เพราะฉันนั้น ซนไม่ต่างจากเด็กผู้ชาย ชอบปืนรัวบ้านบ้าง เล่นอะไรที่เหมือนผู้ชายไปหมด เอาแต่ใจตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่คุณแม่ของฉันก็ไม่เคยว่าเลย ที่ฉันซนแบบนี้ เพราะ แม่สอนให้ฉันได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะเวลาแม่บอกเตือนอะไร ฉันแทบจะไม่เคยฟังเลย พอโตขึ้น ความคิด สติปัญญา ความรับผิดชอบก็จะเพิ่มขึ้น พอโตขึ้นจริงๆเเล้วฉันได้รู้ว่าที่ผ่านมานั้น แม่ทำให้เราทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะด้านการศึกษา ตอนประถมแม่ส่งให้ฉันไปเรียนพิเศษ บางที่ก็เรียนไม่จบครอส เพราะว่าขี้เกียจไป ฉันพึ่งมาสำนึกได้จริงๆ ฉันรู้สึกผิดมาก ที่แม่ทำให้ฉันได้เรียนพิเศษแต่ฉันกลับขี้เกียจแต่เรื่องนี้พอโตขึ้น มันก็เป็นประสบการณ์ให้ฉันได้รับรู้และตั้งใจเรียนมากขึ้น แม่ไม่เคยกดดันเรื่องเรียนว่าต้องได้เกรด4 แค่ทำให้ดีที่สุด ในด้านความสามารถพิเศษ ฉันอยากเรียนอูคูเลเล่ ขิม รำ แม่ก็สนับสนุนอยู่ตลอด เรื่องแค่นี้ก็รู้แล้วว่าแม่ของฉันนั้น รักฉันมากแค่ไหน ฉันอยากได้อะไร อยากไปเที่ยวไหน แม่ยอมทำให้ได้ทุกอย่างจริงๆ แม่ค่อยเป็นเพื่อน เป็นคนที่คอยให้กำลังใจ เป็น Beauty bocker เป็น แนวทางในการปฏิบัติ เป็นทุกๆอย่างให้เราได้จริงๆ ฉันเชื่อว่าไม่มีใครทำให้เราได้เท่าพ่อกับแม่เราแล้ว ฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่ เพราะแม่ไม่ได้อยากให้ฉันเป็นแต่คนเก่ง แม่ฉันไม่เคยบอกเลยว่าต้องเป็นคนเก่งนะ แม่แค่สอนบอกให้ฉันเป็นคนดีก็พอแม่ก็ดีใจแล้ว เพราะความสุขของแม่ก็คือลูก เมื่อฉันโตขึ้นมีงานทำที่ดี ฉันจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ ฉันต้องให้แม่สบายเหมือนฉันให้ได้

ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ 2

แม่ คำๆ นี้เป็นเพียงคำสั้นๆ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้ง ท่านคือผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งบนโลก แต่กลับเป็นคนพิเศษสำหรับลูกรัก แม่คือผู้ประเสริฐสุดในชีวิตทุกๆชีวิต เป็นผู้ที่สามารถให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูกได้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง ของมีค่าหรือแม้กระทั่ง ลมหายใจที่ยังเหลืออยู่ของแม่

ตลอดเวลาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ จน ณ วินาทีนี้แม่ก็ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้ไม่มีสิ้นสุด แม่ให้ทั้งความรัก ความห่วงหา ความห่วงใย ความอาทร อีกทั้งยังมอบความรักที่มิอาจมิรักใดมาทดแทนได้ให้แก่เรา นั่นก็คือความรัก ความผูกพัน ระหว่าง … แม่ และ ลูก … รักของแม่นั้นเปรียบดั่งสายธารา ที่คอยระงับความทุกข์ใจของลูก แม้ในยามที่ลูกไม่ต้องการ แต่เรานั้น…ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของแม่เลย เรากลับทำให้แม่ต้องเจ็บช้า เสียน้ำตา ในบางกิริยาที่เราแสดงออก ถึงกระนั้นก็ตาม ในเวลาที่ลูก รักมีปัญหา แม่ก็คือผู้ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดีในเวลาที่ลูกรักต้องเสียน้ำตา แม่ก็สละเวลาทำงานของแม่ มาคอยปลอบโยนไม่คิดโกรธ หรือเคืองลูกรักแม้แต่น้อย ที่ในบางครั้งบางคราว ลูกรักก็ไม่เชื่อฟังคำที่แม่พร่ำสั่งพร่ำสอน ถ้าจะให้เปรียบพระคุณของแม่นั้นก็คงจะเปรียบประดุจ  ผืนทราย  ที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง เหมือนรักของแม่ที่มีแต่การให้เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน นอกจากรอยยิ้มของลูก ความรู้สึกที่แม่มีต่อลูกนั้นเปรียบประดุจดั่ง ?พื้นน้ำ? ที่ไม่มีวันหมดสิ้นไปจากโลกา ในช่วงเวลาต่างๆในชีวิต เรานั้นก็ต่างผ่านอารมณ์ต่างๆ มามากมาย ในเวลาที่เรามีความสุข แม่ก็มีความสุขไปกับเรา แต่ในเวลาที่เราทุกข์แม่กลับทุกข์กว่าเราหลาย 10 หลาย 100 เท่า แต่ท่านก็ไม่เคยแสดงออกถึงความอ่อนล้า ความเหน็ดเหนื่อยของท่านให้เราได้สังเกตเห็นเลย แม่ของเรานี้ช่างอดช่างทนเหลือเกิน แต่ที่ท่านอดทนนี้ก็ด้วยความรัก ความห่วงใย และความผูกพันที่มีต่อลูกทั้งสิ้น ในชีวิตนี้ แม่ยอมโกหกเราเพื่อให้เรามีความสุข โกหกนั้นก็คือ คำว่า  ไม่เหนื่อย ไม่โกรธ ไม่เจ็บ ไม่เศร้า และไม่ในอีกหลายๆอย่าง  ของแม่ แม่พูดคำๆนี้ออกมาในความหมายตรงกันข้ามกับความเป็นจริง แต่ที่โกหกนี้ก็เพื่อไม่ให้ลูกรักต้องกังวลถึงเรื่องของตนเอง

พระคุณที่แม่ได้มอบให้แก่เรา ไม่ว่าจะให้มีกระดาษกี่ร้อยกี่พันแผ่นก็ไม่สามารถเขียนบรรยายออกมาได้หมดสิ้น หรือต่อให้นักพูดมืออาชีพมาบรรยาย ก็มิอาจจะพูดได้ลึกซึ้งเท่าใจสัมผัส ความรู้สึกนี้มัน  เกินจะบรรยาย จริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมิอาจ ทดแทน

ขอบคุณที่มา watboonyapradit.com

ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ 3

ผลงาน : เด็กหญิงธัญญาเรศ ปานพืช ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านคลองเคียน

คำว่า “แม่” เป็นคำนิยามสั้น ๆ แต่ความหมายนั้นมากมายลึกซึ้งเกินจะพรรณนา แม่เป็นผู้มีบุญคุณล้นเหลือ แม่เปรียบประดุจดาว ที่คอยส่งแสงเจิดจ้าคอยนำพาลูกน้อย แม่เปรียบประดุจครูคนแรกที่คอยอบรมสั่งสอนให้ได้ดี แม่เปรียบดั่ง “นางฟ้า” ที่สูงส่งในใจหนู

วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้สรรพนามเรียกตนเองว่า “แม่” แม่ได้ให้กำเนิดชีวิตน้อย ๆ ได้ลืมตามาดูโลก เก้าเดือนที่แม่ปกป้องกับหนึ่งวันที่ต้องเจ็บปวด มีใครรู้บ้างว่าผู้หญิงคนที่หนูเรียกว่า “แม่” จะต้องเจ็บปวดแค่ไหน วันที่หนูเกิดเป็นวันที่แม่เจ็บ แต่กลับกลายเป็นวันที่แม่มีความสุขที่สุด เมื่อได้เห็นแววตาอันใสซื่อบริสุทธิ์ของลูกน้อย

ถึงวันนี้เป็นวันที่แม่เจ็บที่สุดในชีวิต แต่เป็นวันที่ประเสริฐของอีกชีวิตหนึ่ง แต่ลูกบางคนอาจจะไม่นึกถึงวันนี้มากนัก มีใครรู้บ้างว่าชีวิตแลกด้วยชีวิต เมื่อเราเกิดมาในโลกใบนี้ แม่ก็คือผู้หญิงคนแรกที่คอยป้อนข้าว ป้อนน้ำ เลี้ยงดูเราจนเติบใหญ่ แม่ได้ให้การศึกษาเท่าที่จะทำได้ แม่ให้เราทุกอย่างที่เราต้องการ

แม่ไม่เคยมีคำว่า “ไม่” หรือ “ไม่ให้” กับลูก บางครั้งที่แม่ดุ แม่ทำไปก็มันเกิดจากความรัก ความผูกพันและความห่วงใย ที่แม่คนหนึ่งจะมีให้ แม่ทุกคนอยากให้ลูกเติบโตเป็นคนดี ลูกเป็นความหวังของพ่อแม่ เป็นดังแก้วตาดวงใจ แม่คอยเป็นกำลังใจให้และคอยความสำเร็จของลูกว่าลูกจะประสบความสำเร็จในภายหน้า เป็นคนดีของแม่ เป็นคนดีของสังคม และเป็นคนดีของประเทศชาติ

เราได้เกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิต เราเคยทำให้แม่มีความสุขบ้างหรือยัง สำหรับลูกบางคนเขาไม่มีโอกาสที่จะตอบแทนพระคุณแม่ สำหรับลูกที่มีโอกาส ควรรีบทดแทนพระคุณของแม่เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะที่หนูเป็นลูกคนหนึ่ง หนูจะตอบแทนพระคุณแม่ให้สมกับที่แม่รัก และหนูรักแม่ตลอดไป

ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ 4

วันแม่ เปรียบเสมือนวันแห่งความเจ็บปวดของแม่ มีทั้งความสุข และความเจ็บ มีทั้งน้ำตาที่ไหลรินออกมา พร้อมความปลื้มปิติที่เห็นลูกน้อยลืมตาออกมาดูโลกใบนี้ รู้อย่างนี้แล้ว ก็ยังมีบ่อยครั้งที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้ เมื่อเดือนสิงหาคมของทุกปีมาถึง ก็รู้ตัวว่าควรจะทำสิ่งดี ๆ ให้แม่ของลูกได้มีรอยยิ้ม แต่ความที่เป็นเด็กและขี้อาย ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปกอด ไปหอมแก้มแม่สักครั้ง ได้แต่นำดอกมะลิมาไหว้แม่และยิ้มอย่างเขินอาย ก็หวังว่าจะมีสักครั้งที่จะรวบรวมความกล้า เข้าไปกราบเท้าแม่สักครั้งในวันที่ไม่สายเกินไป

ตั้งแต่ เด็กจนเติบโตเป็นวัยรุ่น แม่เฝ้าสั่งสอนให้เป็นคนดี ตั้งใจเรียนหนังสือ และแม่ก็ให้ความรักอย่างจริงใจ แม้ว่าสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไปนับครั้งไม่ถ้วน แม่ก็ยังให้อภัยลูกคนนี้เสมอ และยังมอบรอยยิ้มทั้ง ๆ ที่แม่ ก็ต้องเสียน้ำตา ความผิดของลูกไม่ว่าจะครั้งไหน ร้ายแรงสักเพียงใด แม่ก็ยังพร้อมที่จะอ้าแขนกอดลูก ด้วยความรักเสมอมา

ในวันนี้ ที่ลูกประสบความสำเร็จทั้งการเรียน และการงาน ได้มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณแม่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากแม่ แต่ลูกคนนี้ก็จะขอสัญญาว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีกต่อไป จะดูแลแม่ให้เหมือนที่แม่ดูแลลูกเมื่อยังเล็ก จะไม่ให้แม่ต้องเหนื่อย ทั้งกายและใจกับลูกคนนี้ และจะรักแม่ให้มากกว่ารักตัวเอง รักแม่ค่ะ

ขอบคุณที่มา http://www.tlcthai.com/

ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ 5

ผลงาน : เด็กหญิงญาณนันท์ ปัญญา

ในตอนเด็กๆ ใครล่ะ ทีเป็นคนให้กำเนิดฉัน ใครละที่อุ้มท้องฉันมาตั้ง 9 เดือน ใครล่ะ ที่ยอมลำบากไม่รู้เท่าไหร่เพื่อฉัน ใครล่ะที่ยอมเสียสละเพื่อฉัน จะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่แม่ของฉัน

เมื่อตอนเด็กๆ ฉันไม่เข้าใจความรักที่แม่ของฉันมีให้เลย แม่ของฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้ฉันถูกแม่ตีด้วยไม้แขวนเสื้ออยู่บ่อยๆ ฉันโกรธและไม่พอใจแม่ นึกว่าแม่ไม่รักฉัน เด็กก็คิดได้แค่นี้แหละ ไม่ได้มองลึกลงไปข้างใน ถึงความรักที่แม่มีให้เลย

เมื่อก่อน แม่ใช้อะไรฉันก็ไม่ทำ แถมยังนึกว่าแม่ในใจว่าแม่ขี้เกียจ เอาแต่ใช้ เมื่อก่อน แม่ซื้อขนมมาให้ แม่ขอกินแค่คำเดียว ฉันก็โกรธ ไม่ยอมให้แม่กิน เมื่อก่อน แม่บ่นฉัน แม่ตีฉัน ฉันโกรธและไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เคยได้ยินมั้ยคะ ว่าพอเราโตขี้น อาจจะเข้าใจความรักมากขึ้น และ เข้าใจสิ่งดีๆ มากขึ้น

ตอนนี้ฉันอายุ 14 แล้ว ความคิดฉันเริ่มเปลี่ยนไป เดี๋ยวนี้ เมื่อแม่ไหว้วานอะไร ฉันก็เต็มใจทำ เพราะนึกแค่ว่า แม่หาเงินมากมายเพื่อฉัน แม่ทำนู่นทำนี่ให้ฉัน ลำบากหลายๆ อย่างเพื่อฉัน หาความสุขให้ฉัน แล้วทำไมฉันจะทำแค่นี้เพื่อแม่บ้างไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวนี้ ถ้าแม่ซื้อขนมให้ฉันอีก ฉันก็จะให้แม่ทานเท่าที่อยากทานได้ เพราะมันเป็นเงินของแม่ ที่หาซื้อความสุขมาให้ฉัน ทำไมแม่จะกินไม่ได้ เดี๋ยวนี้ ถ้าแม่บ่นฉัน แม่ตีฉัน ฉันจะลองพิจารณาตัวเองว่าผิดใช้หรือเปล่า สุดท้ายฉันก็ต้องร้องไห้อยู่เสมอ ที่ทำให้แม่เสียใจ

ในตอนนี้ฉันกับแม่ไม่ได้อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน แต่แม่ก็แวะมาหาฉันอยู่เสมอ ทุกครั้งที่แม่แวะมาหาฉันจะดีใจมาก อยากกอดแม่ อยากหอมแก้มแม่ อยากอยู่กับแม่ ไม่อยากให้แม่ไปไหนเลย อยากบอกแม่ทุกวันด้วยคำว่ารัก บางทีแม่มาหาในขณะที่แม่ไม่สบาย ตัวร้อน ยุงกัดขาเต็มไปหมด แม่ของฉันทำงานขายของ ฉันรู้ว่าแม่ทำงานเหนื่อยมาก จนบางครั้งแม่ต้องไม่สบาย แต่ทุกอย่างที่แม่ทำเพื่อฉันและน้องๆ

ฉันไม่อยากให้แม่เหนื่อยไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่อยากเลยจริงๆ ในชีวิตนี้ฉันรักแม่ที่สุด ไม่รักใครมากเท่าแม่เลยจริงๆ คำว่าแม่ อาจเป็นคำสั้นๆ แต่มันคือคำที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน

หนูรักแม่ค่ะ

ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ 6

ผลงาน : เด็กหญิงพิราพร เจริญยศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขุนทะเลวิทยาคม (รางวัลชนะเลิศการประกวดเขียนเรียงความวันแม่ เนื่องในงานเบิกฟ้า อบต.ขุนทะเล พบประชาชน ครั้งที่ 8 ประจําปี 2555 จัดโดยองค์การบริหารส่วนตําบลขุนทะเล)

“…แม่ แม่ แม่ คํานี้มีความหมาย มีพระคุณมากมายหลายสถาน
แม่เป็นได้หลายสิ่งหลายประการ เป็นธนาคาร เป็นพระพรหม เป็นร่มไทร
เป็นผู้ให้กำเนิดเกิดลูกรัก เป็นผู้ให้ที่พักพิงอาศัย
เป็นผู้ให้การุณอุ่นกายใจ  เป็นผู้ให้อะไร ๆ ไม่รามือ”

กลอนบทนี้คือเสี้ยวหนึ่งของพระคุณ ซึ่งมีอีกมากที่พรรณนายังไงไม่มีอันหมด และไม่มีวันทดแทนได้หมด

   แม่คือบุคคลที่รักเรามากที่สุดตั้งแต่ยังไม่รู้จักเรา เพราะแม่คอยถนอมดั่งไข่ในหิน และพอเราโตมา แม่สอนให้เรารู้จักอะไรมากมาย และแม่ชอบพูดอยู่เสมอว่า “แม่ทําได้ทุกอย่างเพื่อลูก” ซึ่งฉันก็เชื่อ และต่อมาแม่ฉันล้มป่วย ฉันได้ยินเสียงแม่ร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวด ฉันจึงถามแม่ว่า “แม่เจ็บมากไหม ให้ลูกช่วยอะไรไหม”

แม่บอกว่า “ไม่เป็นไรลูกนอนต่อเถอะ” ทั้ง ๆ ที่แม่เจ็บจนแทบทนไม่ไหว และเมื่อถึงวันเกิดฉัน หลาย ๆ คนมีความสุขกับวันเกิด แต่ฉันกลับหัวใจสลายเมื่อได้ยินคําว่า “แม่เสียชีวิตแล้ว” ฉันร้องไห้ไม่ออกเพราะตกใจ ทําอะไรไม่ถูก เพราะอยู่กับแม่มาโดยตลอด ไม่เคยห่างกันไปไกล แต่แล้วมาวันนี้ คนที่ฉันให้ความเคารพและรักเท่าชีวิตฉันกลับหายไปจากชีวิตฉัน แต่ฉันรักแม่ยังไงก็ไม่เท่าแม่รักฉัน เพราะแม่รอคอยวันเกิดฉันมาโดยตลอด รอที่จะมอบของขวัญให้ฉัน ซึ่งมันไม่ใช่ของขวัญที่แปลกหรือพิเศษอย่างไร แต่มันเป็นเงินจํานวน 500 บาทที่แม่กําไว้ในมือจนนาทีสุดท้ายของชีวิต

ตั้งแต่วันนั้นมา ฉันเข้าใจถึงคําพูดที่แม่เคยพูดว่า “เมื่อไม่มีแม่แล้วลูกจะได้รู้อะไรอีกมาก” ซึ่งบัดนี้ฉันได้รู้แล้วว่า มันเหงา ว้าเหว่ เพราะตั้งแต่แม่จากไปหัวใจไม่เคยลืมคําสอนที่แม่เตือนมันยังอยู่ในใจ แต่มาวันนี้แม่กลับไม่ได้เห็นลูกเติบโตสมดั่งที่แม่ปรารถนา แต่ไม่ว่ายังไงลูกก็จะทําตามที่แม่สอนทุกอย่าง เพื่อให้แม่รับรู้ว่าลูกรักแม่มากและไม่เคยลืมแม่เลย

ลูกซื้อมาลัยวันนี้ไม่มีใครให้กราบก็รู้ เพราะแม่อยู่บนฟ้าไกล แต่ยังไงลูกก็จะขอกราบแม่ทุกปีทุกชาติ และไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติก็ขอให้ลูกเกิดมาเป็นลูกแม่เหมือนเดิม เพราะแม่คือแม่ที่เก่งกาจ กล้าหาญที่สุด และรักลูกดั่งดวงใจ และไม่ว่ากี่ปี ลูกก็จะขอปรนนิบัติแม่ต่อไปเท่าที่ลูกคนนี้จะทําได้ ลูกรักแม่ไม่เคยเปลี่ยน และไม่เคยลืม สุดท้ายนี้ ลูกไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจที่ลูกไม่มีแม่กอด เพราะแม่อยู่ในใจตลอดเวลา และลูกขอเก็บแม่ไว้ในใจตลอด ทุกความรู้สึก ทุกความทรงจํา

ขอบคุณข้อมูล www.khuntale.go.th

เรียงความวันแม่ : ความรักของแม่ 7

ผลงาน : เด็กชายวีวัฒน์ สาใจ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (รางวัลชนะเลิศ การประกวดเรียงความ “ความรักของแม่” ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนอินทุภูติพิทยา จ.พิษณุโลก)

คำว่าแม่ไม่มีอะไรจะมาเปรียบได้ พระคุณของแม่ที่มีต่อเราไม่มีวันทดแทนได้หมด แม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กและให้เราดื่มน้ำนม ค่าของน้ำนมของแม่ให้ชีวิตเรามา แม่ต้องดูแลเราอย่างใกล้ชิด แม่ดูแลเราอย่างดี แต่แค่คนเดียวยังเลี้ยงเราได้ทำไมเราจะเลี้ยงแม่บ้างไม่ได้ เพราะแม่เราไม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต

แม่รักเราเราก็ต้องรักแม่บ้าง แม่ต้องการให้เราเป็นคนดีและอยากให้เราอยู่อย่างสบาย ถึงแม่จะไม่กินอิ่มและจะลำบากแค่ไหน แม่ก็อยากให้ลูกกินอิ่ม นั่นแหละคือพระคุณของแม่เราทุกคนต้องทำความดีเพื่อแม่ แม่อยากให้เรามีงานทำที่ดีไม่อยากให้เราอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แม่หาเงินมาให้เราเล่าเรียน แม่ต้องทำงานหนักเพื่อให้เราได้เรียนให้เหมือนคนอื่น ๆ เงินที่แม่หามาได้แต่ละบาทนั้นแม่ต้องแลกด้วยเหงื่อนเพื่อให้เราเรียนสูง เพื่อจะได้ทำงานและมีเงินเยอะ ๆ และให้เรามีคนชมดีกว่ามีคนนินทา

พระคุณของแม่นั้นเราไม่มีอันแทนได้หมด แต่อยากให้เราเป็นคนดีไม่เกเรและต้องมีความสามัคคีและกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่และทุกคน ๆ แม่สอนเรามาอย่างดี แต่ลูกบางคนไม่จำ ทำตัวเกเรไปวัน ๆ กว่าเราจะเกิดมาแต่เราก็ดูแลเราอย่างดี แม่เราปวดท้องมาก ตอนเราจะคลอดออกมาแทบตาย แม่ดูแลเราเพื่อจะให้เราออกมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรงและให้เราครบทุกประการ

แต่ถ้าเราผิดก็ต้องโดนทำโทษ หรือตักเตือนและก็ตีเราเพื่อเราจะได้ไม่ทำผิดอีก แม่เราก็ตักเตือนเราบางทีก็ทำโทษเพื่อหวังจะให้เราเป็นคนที่ดีต่อทุก ๆ คน แม่ต้องทนกับเราที่เราได้ไปก่อเรื่องเอาไว้ให้แม่จนปวดหัว บางทีก็แทบช็อกเพราะเราทำตัวไม่ดี เราต้องรักเท่าที่แม่รักเรา เราต้องเป็นเด็กดีตามที่แม่ตั้งใจสอนเรามากันตั้งแต่เด็ก และต้องช่วยเหลือคนที่ลำบาก แต่ต้องช่วยในทางที่ดีไม่ได้ช่วยในทางที่ไม่ดี เราต้องไปไหว้แม่บ้าง ไม่ใช่แค่วันแม่ แต่ต้องไหว้ท่านทุกวันและต้องตอบแทนพระคุณแม่ทุกวัน ไม่ใช่แค่วันแม่แห่งชาติวันเดียว ต้องทดแทนพระคุณและค่าน้ำนมของแม่เราทุกวัน

13942242_1256031437742897_637144676_n

ตัวอย่าง เรียงความวันแม่ 8

ผลงาน : เด็กหญิงจันทรามาศ (ปลา) ประดิษฐพล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสัมมาสิกขาสันติอโศก (เรียงความชนะเลิศรางวัลที่ ๑ ที่พุทธสถานสันติอโศก)

ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เสมอสำหรับข้าพเจ้า ไม่มีใครในโลกนี้อีกแล้วที่จะรักเรายิ่งกว่าชีวิต รักชั่วนิรันดร์ และยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูก ให้อภัยลูก แม้ว่าลูกจะทำผิดมาสักกี่ครั้งก็ตาม เป็นความรัก ที่อยู่เหนือ กาลเวลา และเหนือเหตุผลอื่นใด

แม่มีความรักให้ลูก มีเยื่อใยระหว่างแม่และลูกที่ไม่สามารถตัดขาดได้ แม่เป็นแม่ที่ดีของลูกอยู่เสมอ นับตั้งแต่ ข้าพเจ้าจำความได้ ข้าพเจ้านับได้ไม่ถึงครั้งเลยด้วยซ้ำ กับการได้เห็นหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่า “แม่” ตั้งแต่เล็ก จนโต ข้าพเจ้าจะได้อยู่กับอา ปู่ และย่ามากที่สุด จนจะคิดว่าเขาเป็นพ่อ-แม่ เราอยู่แล้ว แต่จนมา วันหนึ่ง แม่ก็ได้มาเยี่ยมข้าพเจ้า มาถามว่าข้าพเจ้าอยู่นี่เป็นอย่างไร มีความสุขไหม แต่ข้าพเจ้า ก็ตอบ ความเป็นจริง อย่างที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่า สนุกและมีความสุขเมื่อได้มาอยู่ที่นี่ แต่รู้หรือไม่ว่า แม่ของข้าพเจ้า มาพร้อมกับใคร มากับคนที่จะขึ้นชื่อได้ว่าเป็น “พ่อ” หรือ “พ่อเลี้ยง” ของข้าพเจ้า และลูกคนใหม่ของเขาที่จริง ก็นับว่า เป็นน้องของข้าพเจ้าเช่นกัน เฮ้อ! เหนื่อยใจกับชีวิตของข้าพเจ้าจริง…จริง

นับตั้งแต่วันนั้นที่ข้าพเจ้าได้เจอกับแม่ ก็ทำให้ข้าพเจ้ามีคำถามคอยถามตัวเองมาตลอดว่า ทำไม…ทำไม แล้วก็ทำไม? เราถึงไม่มีครอบครัวที่อยู่กันอย่างมีความสุขและอบอุ่น ได้อยู่กัน พร้อมหน้าพร้อมตา แบบคนอื่น บ้างนะ บางครั้งข้าพเจ้าก็รู้สึกน้อยใจ ที่แม่ของข้าพเจ้า แบ่งความรักที่เต็มร้อย ให้กับน้อง ที่ข้าพเจ้า ไม่มีความรู้สึกที่ว่าเขาเป็นน้องของข้าพเจ้าเลย และทุกครั้ง ที่แม่โอบกอดน้อง มันทำให้ คิดถึง ข้าพเจ้าตอนเด็กๆที่ไม่เคยมีแม่คนนี้มาโอบกอดเลย และ ทุกครั้งที่เห็นแม่และน้อง ไปเที่ยวด้วยกัน ข้าพเจ้า รู้สึกเหมือนว่า เป็นส่วนเกินของครอบครัวนี้ เป็นลูกนอกคอก ที่ใครต่อใครไม่ต้องการ ข้าพเจ้าถามตัวเอง ตลอดเวลาว่า ข้าพเจ้าเป็นลูกเขาหรือเปล่า หรือเป็นลูกใครกันแน่

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มันทำให้ข้าพเจ้ารู้แน่ๆ ว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ลูกของเขา มันคือความคิดที่คิดในเวลานั้น เขายอม ยกข้าพเจ้า ให้กับอาเพียงแค่เงินไม่กี่บาท ข้าพเจ้าอยากถามทุกคนว่า นี้หรือความรัก ของแม่ที่มีให้ต่อลูก

ระยะเวลา ๑๑ ปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นแม่ ได้รู้จักแต่ความรัก ที่อาหยิบยื่นมาให้ ด้วยความรัก ที่เต็มร้อย ข้าพเจ้าเขียนและอ่านคำว่าแม่ได้ แต่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ความหมาย และไม่เคยเห็น ตัวตน วันที่ข้าพเจ้ารู้สึก”เจ็บ” และอยากร้องไห้ และอยากตะโกนให้โลกรู้ว่า “ข้าพเจ้าเกลียดแม่” เป็นวันที่ ข้าพเจ้าต้องไป จับฉลากเตรียมขึ้น ม.๑ อาของข้าพเจ้าบอกกับแม่ว่า ไปให้ กำ-ลัง-ใจ ปลาหน่อยซิ ตอนนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ตื่นเต้นและดีใจมาก ว่าแม่ของข้าพเจ้าจะต้องไปให้ กำ-ลัง-ใจ แน่ๆเลย มันเป็น ความระทึกใจ ที่ไม่มีอะไร จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่สิ่งที่แม่ข้าพเจ้า เอ่ยปากออกมาว่า “ไม่ไปหรอก มันจะเป็น อย่างไรก็ช่าง สอบได้-ไม่ได้ ก็ช่างหัวมัน” ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ไม่อยากไปจับฉลากแล้ว ความรู้สึกที่ปวดร้าว น้ำตา ที่อยาก จะรินไหลออกมา ในตอนนั้นอยากให้แม่ได้รู้ว่า ข้าพเจ้าหวังเพียงสักครั้ง ที่จะให้แม่ เข้ามา โอบกอดข้าพเจ้า และถามว่าสบายดีไหม? แต่…ไม่มีเลย แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมา จากหัวใจของแม่ แต่แล้ว พอข้าพเจ้า ลงจากเวทีการจับฉลาก ข้าพเจ้าเห็นผู้หญิงคนแรก ที่มายืนต่อหน้าข้าพเจ้า ไม่ใช่ใครเลย คนๆ นั้น คือ “แม่” ของข้าพเจ้านั่นเอง ความรู้สึกตอนนั้นของข้าพเจ้า เหมือนโลกสดใสงดงามขึ้นกว่าเดิม ข้าพเจ้า มีความรู้สึก เข้าใจแม่มาก จนข้าพเจ้าได้เข้ามาเรียนโรงเรียนแห่งนี้

จนเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าอยากกราบขอโทษแม่ที่คิดไม่ดีและไม่เข้าใจในแต่ก่อน คือตอนที่ข้าพเจ้า มีดบาด และต้องผ่าตัด ต่อเส้นเอ็น ข้าพเจ้าได้โทร.ไปหาแม่ บอกแม่ว่า ข้าพเจ้าต้องผ่าตัด เสียงที่แม่ พูดออกมา สั่นเครือเหมือนน้ำตาแม่จะไหล แค่ได้รู้ว่าแม่ห่วงใยข้าพเจ้า แค่นี้ก็ทำให้ข้าพเจ้าดีใจแล้ว หลังจากนั้น ไม่กี่วัน ข้าพเจ้ารู้ว่า วันที่ข้าพเจ้าเข้าห้องผ่าตัด และวันที่แม่รู้เหตุการณ์ แม่ร้องไห้ แทบจะ เป็นลม ล้มพับลงกับพื้น ในเวลานั้นข้าพเจ้าอยากวิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด แล้วมากอดแม่ และ ทุกครั้ง ที่ข้าพเจ้าถามแม่ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าเข้าห้องผ่าตัดแม่ร้องไห้เหรอ แต่แม่กลับตอบว่า “เปล่า! ไม่ได้ร้องไห้ ฝุ่นมัน เข้าตาเฉยๆ” นับตั้งแต่วันนั้น ข้าพเจ้าเข้าใจความรักของแม่ จนถึงทุกวันนี้

วันแม่ปีนี้อยากบอกแม่คำเดียวว่า “รักแม่” แม้เป็นเพียงคำสั้นๆแต่ก็ออกมาจากหัวใจของลูกคนนี้ และจะ “รักแม่” ตลอดไปค่ะ

แม่จ๋า…จากนี้ลูกจะรัก  จะฟูมฟักความสัมพันธ์ที่ฝันหา
จะหวงแหนทุกนาทีทุกเวลา ที่มีค่าตอนเราอยู่ด้วยกัน
จะถนอมความสัมพันธ์เพื่อพันผูก จะร่วมปลูกต้นรักถักความฝัน
จะร่วมร้อยถ้อยเรียงเคียงคู่กัน เป็นมาลัยจากฉันสู่แม่เอย

ขอบคุณข้อมูล www.asoke.info,  freepik.com


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง