อย่างที่เรารู้ๆ กันภาษาอังกฤษที่เราใช้กัน ก็จะมีแบบ British และ American ซึ่งทั้งสองแบบก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งคำศัพท์, การออกเสียง และการสะกดคำ วันนี้เราจะมาดูคำศัพท์ที่คนอังกฤษเค้าใช้กัน บางคนถ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือเคยใช้อาจจะงง เพราะบางคำต่างทั้งความหมายและการสะกด วันนี้เรามาลองดูคำศัพท์ที่คนอังกฤษใช้กันบ่อยๆ
6 คำศัพท์ที่คนอังกฤษใช้กันบ่อยๆ
Tea – อาหารเย็น
ถ้าได้ยินคนอังกฤษพูดว่า I will have tea with my family at 6.30 p.m. เห้ยๆๆๆ มันไม่ได้ แปลว่า ฉันจะมาดื่มชากับครอบครัวช่วง 6 โมงครึ่งนะคะ แต่มันหมายถึงฉันจะทานมื้อเย็นกับครอบครัวช่วง 6 โมงครึ่งส่วนคนอเมริกันจะใช้คำว่า dinner
Fancy – ชื่อชอบ
ถ้าเราได้ยินคำนี้ก็ คงจะคิดถึงอะไรที่เลิศๆ เว่อร์ๆ อลังการเนอะ แต่คนอังกฤษเค้าใช้คำนี้แทนคำว่า Like ซึ่งแปลว่า ชอบนั่นเองค่ะ I fancy that hot guy who stands over there. ฉันชอบหนุ่มหล่อคนที่ยืนตรงโน้นนนน คำนี้จะใช้เป็นคำกริยาได้เลย แต่ถ้าใช้แบบอเมริกัน คำนี้จะเป็น Adjective เช่น This bag is so fancy. กระเป๋าใบนี้สวยเว่อร์
Peckish – หิว
อย่าพึ่งงงน๊า คำนี้อาจจะไม่คุ้นเคย ถ้าจะมาเป็นลอนดอนเนอร์แล้วละก็ต้องรู้คำนี้น๊า คำนี้มีความหมายเดียวกับ Hungry ที่คนอเมริกันเค้าใช้เลย
Pants – กางเกงใน
ถ้าเราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน เราจะรู้ทันทีว่ามันแปลว่า กางเกง แต่ป่าวจ้าคนอังกฤษเค้าจะรู้กันว่ามันคือ underwear หรือกางเกงในนั่นเอง ดังนั้นถ้ามีเพื่อนมาจากอังกฤษ อย่าไปทักเค้าละ I like your pants, it’s so cute. ฉันชอบกางเกงในเธอมากเลยอ่า มันน่ารักมาก เดี๋ยวเค้าจะตกใจเอา
Loo – ห้องน้ำ
อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นชื่อคนน๊า คำนี้มันก็มีความหมายเดียวกับ Toilet ซึ่งก็คือ ห้องน้ำ นั่นเอง I’m going to the loo. = I’m going to the toilet ฉันกำลังไปห้องน้ำ
Bill – บิลเรียกเก็บเงิน
ชาวอเมริกันจะเรียกเงินที่เป็นแบงค์ๆ ว่า Bill แต่ถ้าไปถามแบบนี้ Can I have the bill, please คนอเมริกันก็คงแปลกใจว่า ไอ้นี่แปลกจัง อยู่ๆ มาขอแบงค์ทำไม แต่พอเวลาเราไปร้านอาหารและจะเรียกเก็บตังค์ประเทศอังกฤษ แล้วพูดประโยคเดียวกันว่า Can I have the bill, please. หรือพูดสั้นๆ ว่า Bill, please! จะเป็นการเรียกเก็บตังค์นั่นเอง ซึ่งถ้าเป็นเมืองไทยเราจะใช้ประโยคเช็คบิล ซึ่งคำนี้เราคงคุ้นชินกันอยู่แล้ว แต่ถ้าไปพูดให้ต่างชาติฟังรับรอง งงกันหมด
เห็นแล้วใช่มั้ยว่า คำเหมือนกันแต่ใช้ต่างกันและมีความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจะใช้คำไหนต้องดูด้วยว่า เราใช้กับใคร ผู้ฟังจะได้ไม่งงเนอะ