ผู้หญิงต้นแบบ วันสตรีสากล วันสำคัญ

วันสตรีสากล 8 มีนาคม รำลึกถึงการต่อสู้ของสตรี เพื่อความเท่าเทียมและสันติภาพ

ประวัติ วันสตรีสากล 8 มีนาคม คลารา เซทคิน นักการเมืองสตรีสังคมนิยมชาวเยอรมัน ปลุกระดมกรรมกรสตรีนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1907

Home / CAMPUS / วันสตรีสากล 8 มีนาคม รำลึกถึงการต่อสู้ของสตรี เพื่อความเท่าเทียมและสันติภาพ

วันสตรีสากล ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งในวันนี้ Google ก็ได้ขึ้นภาพเป็นสัญลักษณ์ที่ร่วมระลึกถึงวันนี้เมื่อในอดีตด้วย ประวัติความเป็นมา ของ “วันสตรีสากล” มีความสำคัญอย่างไร สรุปประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับวันสำคัญนี้มาให้ได้อ่าน

วันสตรีสากล 8 มีนาคม ความเป็นมาและความสำคัญ

วันสตรีแรงงานสากล (International Working Women’s Day) ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี โดยในวันนี้นิยมจัดการเฉลิมฉลองและรำลึกถึงการต่อสู้ของสตรี ที่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม ความเสมอภาค และสันติภาพ

โปสเตอร์ภาษาเยอรมันสำหรับวันสตรีสากล 8 มีนาคม ค.ศ. 1914
Cr Photo: wikipedia

ความเป็นมาจุดเริ่มต้น วันสตรีสากล

ค.ศ. 1857

เกิดขึ้นจากกรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้า รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้พากันลุกฮือประท้วงให้นายจ้างเพิ่มค่าจ้าง และเรียกร้องสิทธิของพวกเธอ แต่สุดท้ายกลับมีผู้หญิงถึง 119 คนต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ด้วยการที่มีคนลอบวางเพลิงเผาโรงงานที่พวกเธอนั่งชุมนุมกันอยู่ โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1857 (พ.ศ. 2400)

ค.ศ.1907

จากนั้นในปี ค.ศ.1907 (พ.ศ. 2450) กรรมกรหญิงในโรงงานทอผ้าที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ทนไม่ไหวต่อการเอารัด เอาเปรียบ กดขี่ ทารุณ ของนายจ้างที่ใช้งานพวกเธอเยี่ยงทาส ที่ต้องทำงานหนักถึงวันละ 16-17 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด ไม่มีประกันการใช้แรงงานใดๆ เป็นผลให้เกิดความเจ็บป่วยล้มตายตามมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่กลับได้รับค่าแรงเพียงน้อยนิด และหากตั้งครรภ์ก็ถูกไล่ออก จึงทำให้ คลารา เซทคิน นักการเมืองสตรีสังคมนิยมชาวเยอรมัน ตัดสินใจปลุกระดมเหล่ากรรมกรสตรีด้วยการนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1907 พร้อมกับเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานลงเหลือวันละ 8 ชั่วโมง อีกทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการทุกอย่าง และให้สตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้การเรียกร้องครั้งนี้ จะไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากมีแรงงานหญิงหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ทำให้สตรีทั่วโลกสนับสนุนการกระทำของคลารา เซทคิน และเป็นการจุดประกายให้สตรีทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงสิทธิของตัวเองมากขึ้น

ค.ศ. 1908

ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) มีแรงงานหญิงกว่า 15,000 คน ร่วมเดินขบวนทั่วเมืองนิวยอร์ก เรียกร้องให้ยุติการใช้แรงงานเด็ก โดยมีคำขวัญการรณรงค์ว่า “ขนมปังกับดอกกุหลาบ” ซึ่งหมายถึงการได้รับอาหารที่พอเพียงพร้อมๆ กับคุณภาพชีวิตที่ดีนั่นเอง

ค.ศ. 1910

8 มีนาคม ค.ศ. 1910 (พ.ศ. 2453) ความพยายามของกรรมกรสตรีกลุ่มนี้ก็ประสบผลสำเร็จ เมื่อมีตัวแทนสตรีจาก 17 ประเทศ เข้าร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยมครั้งที่ 2 ณ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยในที่ประชุมได้ประกาศรับรองข้อเรียกร้องของบรรดากรรมกรสตรี ในระบบสาม 8 คือ ยอมให้ลดเวลาทำงานเหลือวันละ 8 ชั่วโมง ให้เวลาศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองอีก 8 ชั่วโมง และอีก 8 ชั่วโมงเป็นเวลาพักผ่อน พร้อมกันนี้ยังได้ปรับค่าแรงของแรงงานหญิงให้เท่าเทียมกับแรงงานชาย และยังมีการคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็กด้วย ทั้งนี้ยังได้รับรองข้อเสนอของคลารา เซทคิน ด้วยการกำหนดให้วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปีเป็น วันสตรีสากล

สรุป 5 ประเด็นน่าสนใจ วันสตรีสากล

1. แต่เดิมมีการเรียกวันสตรีสากลว่า วันผู้หญิงทำงานสากล ( International Working Women’s Day) มีจุดเริ่มเฉลิมฉลองในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1909 ที่นิวยอร์ก หลังจากที่ 1 ปีก่อนหน้านั้น กลุ่มสตรีจากสหภาพแรงงานกว่า 15,000 คน รวมถึงผู้อพยพ ออกมารวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิทางสังคมและการเมือง

2.วันสตรีสากล จัดขึ้นในปี 1914 เป็นปีแรก เนื่องจากตรงกับวันอาทิตย์ เพราะจะเป็นวันที่ทุกคนหยุดตรงกันพอดี และสามารถมีส่วนร่วมในการเดินขบวนเพื่อแสดงพลังได้อย่างพร้อมเพรียง

3.ผู้หญิงที่มีอิทธิพลระดับโลก มักจะออกมากล่าววลีที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงทั่วโลกในวันสตรีสากล

4.สหประชาชาติกล่าวว่า วันสตรีสากลโลกเป็นสัญลักษณ์ของการยอมรับในความสำเร็จของผู้หญิง โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม

5.ในหลายประเทศ กำหนดให้วันสตรีสากลเป็นวันหยุดราชการ อาทิ อัฟกานิสถาน กัมพูชา มองโกเลียเวียดนาม แซมเบีย จีน มาดากัสการ์และเนปาล

ที่มา : th.wikipedia, www.independent.co.uk