Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่น ประกาศเปิดตัว Nissan Note “Aura” คอมแพ็คแฮทช์แบ็คระดับพรีเมียม ที่ได้รับการประกอบขึ้นอย่างประณีต พิถีพิถัน พร้อมวัสดุคุณภาพสูง เสริมออพชั่นใหม่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าขุมพลังได้ชูไฮไลท์ e-POWER เจนเนอเรชั่น 2 ที่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะใหม่ และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นใหม่ล่าสุดควบคู่ด้วย
Nissan Note Aura ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อนำเสนอจุดเด่นสามประการด้วยกัน ได้แก่ พื้นที่ที่ประณีต และคุณภาพสูง, การขับขี่ที่เงียบและสบาย รวมถึงเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยรวมเป็นการยกระดับ Nissan Note ใหม่ให้มีความสมบูรณ์แบบและความหรูหราในทุกมิติตั้งแต่สายตา การสัมผัส และการขับขี่
โดยชื่อ “ออร่า (Aura)” มาจากแนวคิดการนำเสนอเอกลักษณ์เฉพาะที่ช่วยสร้างความดึงดูดใจ และมอบความสุขในการเป็นเจ้าของรถยนต์คุณภาพสูง มีความสง่างาม บรรยากาศที่เหนือระดับ
เริ่มจากภายนอกที่ได้รับการนำเสนอกระจังหน้าดีไซน์ใหม่หรูและโดดเด่น, แนวหลังคาส่วนโค้งเว้าที่ดูนุ่มนวล, ไฟหน้า LED ที่รวมทั้งไฟส่องกลางวันและไฟเลี้ยว พร้อมกับเพิ่มฟีเจอร์ระบบปรับองศาตำแหน่งตามทิศทางพวงมาลัย, ไฟท้าย LED ดีไซน์ทันสมัยยิ่งขึ้น รวมถึงส่วนของซุ้มล้อและบังโคลนที่มีการปรับความกว้างขึ้นเล็กน้อย ล้ออัลลอย 17 นิ้ว สีดำ พร้อมชิ้นส่วนตกแต่งด้วยเรซิ่นน้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก น้ำหนักล้อโดยรวมที่เบาลงกว่าเดิม และความสวยงามโดดเด่นชวนสะกดสายตา
แม้ว่ามิติตัวถังของ Nissan Note Aura จะไม่ต่างจาก Nissan Note มากนัก แต่ด้วยการปรับปรุงระบบเพลาล้อ จึงได้มีการขยายความกว้างตัวถังเพิ่มอีก 40 มม. เป็น 1,735 มม.
สำหรับภายในมาพร้อมกับการตกแต่งภายในเพิ่มความหรูหรายิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุลายไม้ควบคู่กับวัสดุผ้าทอตรงบริเวณบานประตู แผงคอนโซล ที่วางแขน ไปจนถึงที่บังแดดแผงเรือนไมล์ที่ให้บรรยากาศหรูหรา อบอุ่น
เบาะนั่ง Zero Gravity Seats ทุกที่นั่ง ผสมผสานระหว่างผ้าทอ และหนังสังเคราะห์ ที่ได้รับการออกแบลวดลายของเบาะเพื่อลดการลื่นไถลในระหว่างนั่งบนเบาะนาน ๆ
ด้านออพชั่นเด่น ๆ ใน Nissan Note Aura จะได้รับทั้งเรือนไมล์จอดิจิทัลเต็มจอ 12.3 นิ้ว, จออินโฟเทนเมนต์ขนาด 9 นิ้ว พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Nissan Connect, ชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยม BOSE Personal Plus Sound System พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง, ตัวรถได้รับการปรับปรุงวัสดุดูดซับเสียงใหม่บริเวณบนหลังคา, ประตูหน้า-หลัง- หน้าต่างด้านหน้า เป็นต้น
นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเลือกเพิ่มออพชั่น Professional Pilot, ระบบนำทางอัจฉริยะ SOS call โดยสามารถซื้อเพิ่มได้ในราคา 401,500 เยน หรือราว ๆ 1.13 แสนบาท
สำหรับเทคโนโลยีขุมพลัง e-POWER เจนเนอเรชั่นที่ 2 นั้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร ที่ทำหน้าที่ปั่นกำลังไฟฟ้าไปสู่มอเตอร์ที่ล้อหน้า และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดกระทัดรัด
ไฮไลท์สำคัญของรถรุ่นนี้คือการมีการปรับประสิทธิภาพแรงม้าของมอเตอรต์ไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้นจาก Nissan Note เดิม (116 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร) ด้วยแรงม้าเพิ่มขึ้น 18% แรงบิดเพิ่มขึ้น 7% จนสามารถมอบสมรรถนะสูงสุดเป็น 136 แรงม้า / 100 กิโลวัตต์ แรงบิด 300 นิวตันเมตร
ทั้งนี้ในรุ่น e-POWER 4WD ได้รับการปรับปรุงสำหรับรองรับระบบขับเคลื่อน e-POWER เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งจะได้รับมอเตอร์ไฟฟ้า 50 กิโลวัตต์เพิ่มที่ล้อหลัง พร้อมเทคโนโลยีตรวจจับความผันแปรของความเร็วรอบการหมุนของยาง เพื่อรองรับประสิทธิภาพการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ขับเคลื่อนบนถนนขรุขระหรือเปียกลื่น รวมถึงการกักเก็บพลังงานไฟฟ้าคืนเข้าสู่แบตเตอรี่
Nissan Note Aura มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Nissan Intelligent Mobility หลายรายการเพื่อมอบความปลอดภัยรอบด้าน 360 องศา และยังมาพร้อมระบบ ProPilotด้วย
ปิดท้ายด้วยตัวเลือกสีตัวถัง ทั้งสีทูโทนที่มีให้เลือก 5 สี และตัวเลือกสีโมโนโทน 9 สี รวม 14 สี โดยในนั้นจะมีสองสีทูโทนเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับรุ่นนี้ ได้แก่ “Garnet Red / Super Black” และ “Midnight Black / Sunrise Copper”
นอกจากนี้ยังมีออพชั่นเสริม Grand style package และ Grand style package Plus ที่มาพร้อมชุดแต่งกันชนหน้า-หลังที่มีให้เลือกทั้งสีดำเงาและสีทองแดง, ฝาครอบกระจกมองข้างสีทองแดง, แผ่นรองธรณีประตู และไฟส่องใต้คอนโซลหน้า
โดย Nissan Note Aura จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ที่ญี่ปุ่น สนนราคาตั้งแต่ 2,613,300 ถึง 2,957,900 เยน หรือราว ๆ 7.39 ถึง 8.36 แสนบาท
เครดิตข้อมูลจาก 3.nissan.co.jp