พูดถึง เมืองจันท์ หรือ จังหวัดจันทบุรี สิ่งแรกที่ป๊อปอัพขึ้นมาในหัวคืออะไรกันคะ?
“ผลไม้ ทะเล ก๋วยเตี๋ยวกั้ง น้ำตก โบสถ์ พระเจ้าตาก หรือตลาดพลอย” คำตอบมีได้มากมาย สะท้อนให้เห็นถึง ความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว ของจังหวัดริมฝั่งทะเลตะวันออกแห่งนี้ และที่สำคัญ เมืองจันท์เที่ยวได้ทุกแนว และเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เกริ่นมาขนาดนี้ มาดูซิว่า “แนวไหนน่าจะเหมาะกับเรา?”
แนวกิจกรรม
ผลไม้กินได้ทุกที่ทั่วประเทศนั่นแหละ แต่ถ้าจะให้มันส์! ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องลองมาขี่ ATV หรือไม่ก็นั่งรถพ่วงข้าง เข้าไปในสวนผลไม้ เก็บทั้งทุเรียน ทั้งเงาะ ทั้งมังคุด ทั้งสละแบบสด ๆ จากต้น ให้มันรู้กันว่าแต่ละต้นหน้าตาเป็นอย่างไร ที่สำคัญคือ ได้พูดคุยกับเจ้าของสวน ที่เราจะได้ทั้งความรู้ในการทำสวนผลไม้ พ่วงมากับความสนุกและความอิ่มท้อง ได้ตลอดทั้งปี
สายธรรมชาติ
จันทบุรีมีครบทั้งทะเล น้ำตก และภูเขา สำหรับทะเลจันท์ขึ้นชื่อเรื่องความสงบ จึงเหมาะกับคนที่ตั้งใจมาพักผ่อน ชาร์จแบตให้ชีวิต โดยมีหลายอ่าว และหลายหาดให้เลือก ทั้งอ่าวคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน อ่าวกระทิง หาดแหลมเสด็จ รวมถึงหาดเจ้าหลาวด้วย แต่ถ้าวางแผนมาเที่ยวทะเล แนะนำให้เลี่ยงช่วงหน้าฝนนะคะ
ส่วนน้ำตกที่ขึ้นชื่อที่สุดของจันทบุรี หนีไม่พ้นน้ำตกพลิ้วซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีจุดเด่นอยู่ที่มีน้ำตลอดทั้งปี ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ขุนเขา และสัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาพลวงหินที่อาศัยอยู่ในอ่างน้ำของน้ำตกนับหมื่นตัว! มาถึงแล้วแนะนำให้ไปเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร รับรองว่าจะช่วยฟอกปอดได้ดีทีเดียวค่ะ ยิ่งมาในช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนจะสดชื่นเป็นพิเศษ
ด้านภูเขาชื่อดังของเมืองจันท์ ต้อง “เขาคิชฌกูฏ” ที่นอกจากถูกใจคนรักธรรมชาติแล้ว ยังถูกใจคนสายบุญอีกด้วย เพราะบนนั้นเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ เคียงข้างหินก้อนโตที่พุทธศาสนิกชนต่างมาสักการะขอพรเป็นจำนวนมาก
สายสถาปัตยกรรม
นอกจากนี้ จันทบุรียังเป็นที่ตั้งของโบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ชื่อว่า “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” เป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีประวัติย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอยุธยา สร้างขึ้นโดยชาวญวน ซึ่งโบสถ์หลังที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สวยงามมาก รวมถึงงานกระจกสี และรูปเคารพพระแม่มารีอาประดับพลอยกว่า 2 แสนเม็ด ประดิษฐานอยู่ภายในอาสนวิหาร แนะนำให้มาช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่จะมีการประดับไฟอย่างสวยงาม รวมถึงการแสดงแสงสีเสียงและดอกไม้ไฟอีกด้วย
สายประวัติศาสตร์
“ยึดเมืองจันทบุรี เป็นชุมนุมเจ้าตาก ตีชุมนุมต่าง ๆ ตีเจ้าฝางให้แตก” เนื้อเพลงเจ้าตากของ “คาราบาว” วงดนตรีเพื่อชีวิต ถือเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ชั้นดีว่าครั้งหนึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยใช้เมืองจันทบุรีเป็นที่ตั้งในการกอบกู้เอกราชจากพม่า ฉะนั้น ที่นี่จึงเป็นที่ตั้งของค่ายตากสิน จันทบุรี รวมถึงศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมเป็นรูปทรงพระมาลาของพระองค์ท่าน ให้ประชาชนได้มากราบและรำลึกประวัติศาสตร์
โดยจังหวัดจันทบุรี จะจัดงานวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชรำลึก และงานกาชาดจังหวัดจันทบุรีเป็นประจำทุกปี ในช่วงวันคล้ายวันปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี 28 ธันวาคม ต่อเนื่องไปถึงช่วงต้นปี ให้ผู้มาร่วมงานได้แต่งกายย้อนยุค ชมการแสดงทางประวัติศาสตร์ และฉลองปีใหม่ไปพร้อม ๆ กัน
สายกิน
เรื่องนี้เรื่องใหญ่มากกก! เพราะจันทบุรีอุดมสมบูรณ์เหลือเกิน มีทั้งอาหารทะเล และอาหารพื้นเมืองที่มีการผสมผสานทางเชื้อชาติหลากหลาย ซึ่งสำหรับตัวเลือกหลังขอให้พุ่งไปที่ร้านจันทรโภชนา ที่รวมอาหารพื้นเมืองไว้ในที่เดียว ทั้งหมูชะมวง เส้นจันท์ผัดปู ถั่วฝักยาวผัดกะปิ รวมถึงต้มลอมาจู อาหารญวณที่แปลกทั้งชื่อ ทั้งรสชาติ ให้รสคล้ายต้มส้ม แต่ใส่ไข่ ใส่มะเขือเทศ และเนื้อปลากะพง มาแล้วต้องลอง! ยิ่งไปกว่านั้น หากมาในช่วงฤดูผลไม้ยังจะมีเมนูเด็ดจากผลไม้อย่างยำมังคุด ส้มตำและมัสมั่นทุเรียน ให้ได้พิสูจน์ความเจ๋งของอาหารจันท์กันด้วย
แต่ถ้าใครอยากเดินไป กินไป อยากให้ไปชิลที่ชุมชนริมน้ำจันทบูร เพราะตลอดสองฝั่งถนน มีทั้งสตรีทฟู้ด ทั้งคาเฟ่เก๋ไก๋มากมาย ให้เดินเข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ได้ไม่ซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวกั้ง ขนมไข่ หรือไอศกรีมจรวด บอกเลยว่าอร่อยทุกร้าน แถมยังมีสตรีทอาร์ตแทรกอยู่ตามมุมต่าง ๆ นอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังถ่ายรูปเพลินอีกต่างหาก
ส่วนสายซีฟู้ด แนะนำให้ไปเช็คอินกันที่อำเภอขลุงและอำเภอแหลมสิงห์ ที่ขึ้นชื่อเรื่อง “กินปู นอนโฮมสเตย์” โดยเป็นแพ็กเกจ 2 วัน 1 คืน ที่พักพร้อมอาหาร 3 มื้อ ร่วมด้วยกิจกรรมอีกนิดหน่อย ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็นสวรรค์ของพวกเรา เพราะโฮมสเตย์ต่างแข่งขันกันดึงนักท่องเที่ยว ทำให้เรามีตัวเลือกมากมายให้ได้เลือกตามงบประมาณและความชอบ ทั้งทำเลที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงความอลังการของมื้ออาหารด้วย
สายจิลวิลลี่
ทับทิมสยาม (Siam Ruby) คือชื่อของอัญมณีล้ำค่า เกิดจากการเจียระไนทับทิมที่มีแหล่งกำเนิดในจังหวัดจันทบุรี และมีความสวยงาม สีสดอมม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ของพลอยจันท์ แถมหาได้ยากยิ่ง และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ จันทบุรียังเป็นตลาดพลอยและแหล่งเจียระไนพลอยระดับโลก สร้างรายได้เข้าประเทศในระดับหมื่นล้านบาทต่อปีอีกด้วย!
ตลาดพลอยในตัวเมืองเก่าจันทบุรีจึงเป็นที่รู้จักในแวดวงคนรักพลอยและผู้ค้าพลอย ด้วยความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือชาวไทยที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ถึงขั้นที่ 80% ของพลอยสีในตลาดโลกล้วนผ่านการเจียระไนในประเทศไทยทั้งสิ้น ซึ่งในปีนี้จะพิเศษยิ่งขึ้น เมื่อจะมีการจัดงานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี (International Chanthaburi Gems and Jewelry Festival 2019) เป็นครั้งแรก ผลักดันให้เมืองจันท์เป็น ‘นครแห่งอัญมณีของโลก’ (City of Gems)
งานนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘คนรักพลอย’ แต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนร่วมให้กำลังใจ ส่งเสริม เลือกซื้อ และเรียนรู้ในเรื่องของพลอยและอัญมณีไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมงานได้ระหว่างวันที่ 4-8 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ในรัศมี 1 กิโลเมตร ของตัวเมืองจันท์ ณ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี เคพี เจวิลลี่เซ็นเตอร์ และตลาดพลอย ถนนศรีจันทร์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.changemsfest.com
สำหรับใครที่อ่านแล้วอยากเที่ยวตามรอยเส้นทางอัญมณี ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวสายไหน ทางจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที จัดโปรแกรมทัวร์ราคาพิเศษ! คลิกเข้าไปเลือกโปรแกรมที่ใช่ในแบบของคุณได้ที่ https://changemsfest.com/tourandpackage/
Text & Photos by Travel Around the World Media