ที่เที่ยวเดือนกันยายน ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย โครงการหลวงขุนแปะ ทุ่งเสลี่ยม ทุ่งแสลงหลวง นาขั้นบันได นาขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ น้ำตกกรุงชิง น้ำตกถ้ำพระ บ้านผาหมอน ป่าฮาลาบาลา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แก่งลำดวน โครงการหลวงขุนแปะ

10 ที่เที่ยว เดือนกันยายน ลุยฝนออกไปกอดธรรมชาติเมืองไทย

แนะนำ 10 ที่เที่ยว เดือนกันยายน ลุยฝนออกไปกอดธรรมชาติเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก ทะเลหมอก ทุ่งดอกไม้ หรือท้องนาสีเขียว รับรองว่าฟินทุกที่แน่นอน 10 ที่เที่ยว เดือนกันยายน ลุยฝนออกไปกอดธรรมชาติเมืองไทย…

Home / TRAVEL / 10 ที่เที่ยว เดือนกันยายน ลุยฝนออกไปกอดธรรมชาติเมืองไทย

แนะนำ 10 ที่เที่ยว เดือนกันยายน ลุยฝนออกไปกอดธรรมชาติเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก ทะเลหมอก ทุ่งดอกไม้ หรือท้องนาสีเขียว รับรองว่าฟินทุกที่แน่นอน

10 ที่เที่ยว เดือนกันยายน ลุยฝนออกไปกอดธรรมชาติเมืองไทย

1. ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย
โครงการหลวงขุนแปะ จ.เชียงใหม่

ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย เป็นแปลงปลูกพืชทดลองของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดอกไฮเดรนเยียมีหลายสีทั้ง ฟ้า ชมพู ม่วง ขาว ซึ่งจะบานตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน ไปจนถึงเดือนมีนาคมปีหน้า

และไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของโครงการหลวงขุนแปะ ก็คือนาข้าวเขียวขจี ที่ปลูกแบบขั้นบันได ลดหลั่นลงมาตามระดับความสูง โอบล้อมไปด้วยภูเขารอบด้าน สวยงามอย่างมาก

2. นาขั้นบันได
โครงการปิดทองหลังพระ จ.น่าน

ตั้งอยู่ใน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน เป็นต้นแบบนำร่องดำเนินโครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริในพื้นที่ 3 อำเภอ ครอบคลุม 3 ตำบล ได้แก่อำเภอสองแคว ในหมู่บ้านยอด อำเภอท่าวังผา บ้านน้ำป้าก และ ต.ขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ

เริ่มต้นด้วยการลดการใช้พื้นที่ป่า แสวงหาวิธีปลูกข้าวแบบใหม่ โดยนำวิธีการทำนาขั้นบันไดบนพื้นที่เขาแทนข้าวไร่ โครงการปิดทองหลังพระยังมีระบบการจัดสรรน้ำเพื่อทำนาในระบบขั้นบันไดที่เรียกว่าอ่างพลวงกระจายอยู่บนเขาหัวโล้น ประยุกต์จากโครงการแก้มลิง ซึ่งในปัจจุบันนี้ นาข้าวขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชียงธรรมชาติที่สวยงาม รอทุกคนได้มาสัมผัส

3. อ่างเก็บน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี

ในช่วงที่ฝนตกน้อยแบบนี้ ทำให้น้ำในเขื่อนแห้งเหือด จนเราสามารถลงไปเดินเล่น และถ่ายรูปได้ อีกทั้งยังได้พบกับซากสิ่งปลูกสร้าง ของวัดหนองบัวใหญ่ พร้อมด้วยชุมชนบ้านหนองบัว ที่จมอยู่ใต้น้ำมานานกว่า 20 ปี หลังการสร้างเขื่อน ซึ่งโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำให้เห็นแบบเต็มตา

4. ทุ่งแสลงหลวง จ.เพชรบูรณ์

ทุ่งแสลงหลวง หรือฉายา ทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย ด้วยสภาพทุ่งหญ้าแบบสะวันนา และทุ่งหญ้าสลับป่าสนสองใบ มีพื้นที่กว้างใหญ่ ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร หากมาเที่ยวช่วงฤดูฝน จะเห็นทุ่งหญ้าเป็นสีเขียวชอุ่ม ส่วนฤดูแล้งต้นหญ้าก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ

และจากความสมบูรณ์ทางธรรมชาตินี่เอง ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น น้ำตกแก่งซอง น้ำตกแก่งโสภา น้ำตกปอย น้ำตกซอนโสม ทุ่งโนนสน ทุ่งแสลงหลวง แก่งวังน้ำเย็น เป็นต้น

5. แก่งลำดวน จ.อุบลราชธานี

แก่งลำดวน อยู่ในพื้นที่เขตรับผิดชอบของศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าอุบลราชธานี มีลักษณะเป็นแก่งหินลดหลั่นลงไปเป็นชั้น ขวางกั้นลำน้ำคลองโดมใหญ่ ความยาวประมาณ 200 เมตร

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงกลางเดือนกันยายน นักท่องเที่ยวจะได้ชมปรากฏการณ์อันน่ามหัศจรรย์ที่เรียกว่า “กุ้งเดินขบวน”  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่กุ้งฝอยนับล้านตัวพร้อมใจกันเดินพาเหรดบนพลาญหินเลียบแก่งน้ำ มุ่งหน้าสู่ยอดเขาสูงบนเทือกเขาพนมดงรัก โดยจะเดินขบวนในช่วงกลางคืนหลังฝนตกหนัก หรือสายน้ำในแก่งมีความเชี่ยวกราก

6. นาข้าวขั้นบนได บ้านผาหมอน จ.เชียงใหม่

บ้านผาหมอน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านแม่กลางหลวง ดอยอินทนนท์ เป็นจุดชมวิวนาข้าวขั้นบันไดที่สวยอีกจุดหนึ่ง นาข้าวจะมีสีเขียวในช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค. และออกรวงสีทองช่วงปลายเดือน ต.ค. – ต้นเดือน พ.ย. โดยที่บ้านผาหมอน มีที่พักเพียงแห่งเดียวชื่อว่า Bamboo Pink House เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้โหยหาธรรมชาติมานอนพักผ่อน แต่รองรับได้ 6-10 คน เท่านั้น

ระยะทางจากเชียงใหม่ ถึง บ้านผาหมอน 100 กิโลเมตร ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง และจอมทอง

7. ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย

ทุ่งเสลี่ยม เป็นอำเภอเล็ก ๆ ของจังหวัดสุโขทัย ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก มีธรรมชาติสวยงามทั้งท้องทุ่งนาสีเขียว ขุนเขาโอบล้อม และสายหมอกบาง ๆ ในยามเช้า สำหรับสถานที่เที่ยวที่ห้ามพลาดก็คือ วัดทุ่งเสลี่ยม กราบไหว้หลวงพ่อศิลา พระคู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล

8. น้ำตกถ้ำพระ จ.บึงกาฬ

น้ำตกถ้ำพระ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ที่ไหลมาจากต้นน้ำเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว ซึ่งจะมีน้ำเยอะและม่านน้ำสวยงามที่สุดในช่วงฤดูฝน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปชมน้ำตกโดยการนั่งเรือเข้าไปเท่านั้น เพื่อที่จะเดินเท้าต่อไปยังน้ำตกอีกเล็กน้อย พร้อมสักการะพระพุทธรูปปางมารวิชัย 2 องค์ที่อยู่บริเวณเพิงผาในช่วงน้ำตกชั้นกลางได้อีกด้วย

9. ป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส

ป่าฮาลาบาลา เป็นป่าดิบชื้น หรือ ป่าฝนเขตร้อน (Tropical Rain Forest) ที่ประกอบด้วยผืนป่า 2 ผืน คือ ป่าฮาลา ในเขตอำเภอเบตง จ.ยะลา อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส และ ป่าบาลา ในเขตอำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส

ป่าฮาลาบาลา อยู่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเพียง 200-300 เมตร แต่สามารถเห็นวิวทะเลหมอกบนเทือกเขาสันกาลาคีรี อันสลับซับซ้อนที่พาดผ่านทั้งฝั่งไทยและมาเลเซียไกลสุดสายตา นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบายผ่านถนนสายความมั่นคง ทางหลวงหมายเลข 4062

10. น้ำตกกรุงชิง จ.นครศรีธรรมราช

สายน้ำที่ไหลลงมากระทบกับโขดหิน จนน้ำแผ่เป็นละอองกว้าง มีความสวยงามอ่อนช้อย จนน่าหลงไหล คือเอกลักษณ์ของ น้ำตกกรุงชิง น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเปิดให้เที่ยวชมทั้งหมด 7 ชั้น คือ ชมหนานมัดแพ หนานปลิว หนานจน หนานโจน หนานต้นตอ หนานวังเรือบิน และหนานฝนเสน่หา

ขอบคุณรูปภาพจาก : tatcontactcenter, TAT Lopburi, halabala, Amazing Thailand, น้ำตกถ้ำพระ บึงกาฬ , museumthailand.