มิชลิน สตาร์ ร้านอาหาร ร้านอาหารไทย

ข้าว (Khao) ร้านอาหารระดับมิชลิน สตาร์ เมนูอาหารไทยเลิศรสสุดพรีเมี่ยม

"ข้าว (Khao)" ร้านอาหารไทยการันตีด้วยรางวัลระดับมิชลิน สตาร์ สาขาเพลินจิต เหมาะจะพาครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้ใจ ไปสังสรรค์ในบรรยากาศสบายๆ ลิ้มรสชาติอาหารไทยร่วมสมัยเลิศรส

Home / TRAVEL / ข้าว (Khao) ร้านอาหารระดับมิชลิน สตาร์ เมนูอาหารไทยเลิศรสสุดพรีเมี่ยม

“ข้าว (Khao)” ร้านอาหารไทยการันตีด้วยรางวัลระดับมิชลิน สตาร์ สาขาเพลินจิต เหมาะจะพาครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้ใจ ไปสังสรรค์ในบรรยากาศสบายๆ สไตล์โมเดิร์น ลิ้มรสชาติอาหารไทยร่วมสมัยเลิศรส จุดเด่นนอกจากบรรยากาศแล้ว ไฮไลท์เด็ดคือ เมนูอาหารไทยที่ดีต่อสุขภาพ ในรูปแบบ Tasting Menu จัดเป็นคอร์ส ซึ่งจะทำให้ได้ทานอาหารที่หลากหลายทั้งคาวและหวานกว่า 10 เมนู โดยแต่ละเมนูสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในการทำอาหารและความสร้างสรรค์ที่สวยงาม ที่สำคัญในเรื่องของวัตถุดิบเน้นธรรมชาติ สดใหม่ ไม่ใส่ผงชูรส การันตีรสชาติด้วยการรักษามาตราฐานคว้ารางวัลมิชลิน สตาร์ 1 ดาว มาครองได้สำเร็จถึง 2 ปีซ้อน!

ข้าว (Khao) ร้านอาหารไทย ระดับมิชลิน สตาร์ สองปีซ้อน!

ข้าว ไม่ใช่เพียงพืชพรรณหรืออาหารสำหรับคนไทย เพราะข้าวเป็นอาหารหลักที่อยู่คู่คนไทยมานาน ข้าวจึงเสมือนความผูกพันและชีวิตของคนไทย นี่คือคอนเซปท์ของร้าน ข้าว (Khao) ด้านการตกแต่งบรรยากาศร้านเป็นสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวครีม มีความเรียบง่ายแต่ก็มีความหรูหราที่ให้ความรู้สึกสบายๆ

เมนูเน้นนำเสนออาหารไทยร่วมสมัย โดยมี ‘คุณตุ่น – ประดินันท์ อัครชิโนเรศ’ ผู้ที่ผสานความคิดสร้างสรรค์ในแบบผู้บริหารรุ่นใหม่ ทำให้ร้าน Khao สาขาเอกมัย สามารถคว้ารางวัลมิชลิน สตาร์ 1 ดาว มาครองได้สำเร็จเป็นปีที่ 2 ตั้งแต่ปี 2020 และ 2021 ทั้งนี้จึงได้เปิดสาขาใหม่เพลินจิตขึ้นมาด้วย รวบรวมอาหารไทยจานโปรดยอดนิยมของร้าน Khao เอาไว้ทั้งหมดกว่า 10 เมนู จะมีเมนูอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

Tasting Menu จัดเป็นคอร์ส ได้ทานอาหารไทยหลากหลายครบทั้งคาวหวาน

เมนูในคอรส์ต่างๆ จะเรียกว่า Tasting Menu โดยมีทั้งหมด 4 เซ็ต ราคาเริ่มต้นที่ 950 / 1,350 / 1,700 และ 2,300 บาท ยกตัวอย่างเมนูดังต่อไปนี้

เมนูของว่าง : ออเดิร์ฟก่อนเมนูหลัก เป็นของว่างหรือของกินเล่น มาในรูปแบบคำเล็กๆ น่ารัก จัดวางสวยงาม รสชาติกลมกล่อม ถือเป็นการเรียกน้ำย่อยให้รู้สึกอยากกินเมนูต่อๆ ไป

  • ขนมจีบไทยไส้ไก่ แป้งแน่น รสชาติกลมกล่อม
  • ปั้นสิบปลา ตัวไส้รสชาติกลมกล่อม มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศโดยเฉพาะข่า ดับคาวได้ดีมาก
  • ช่อม่วงไส้หมู แป้งรสชาตินุ่มหนึบมีถั่วเคี้ยวแล้วกรุบๆ กำลังดี
  • ยำส้มโอสูตรโบราณ ใช้ส้มโอขาวน้ำผึ้ง ยำแบบเข้าหัวกะทิสด หอมกลิ่นน้ำส้มซ่าสดขื่นขึ้นจมูก รสชาติส้มโอกำลังดีเข้ากับหอมเจียวและกะทิ รสชาตินุ่มนวล กลมกล่อม เสิร์ฟคู่กับ หมี่กรอบสูตรโบราณ เส้นสีเหลืองทอง กรอบอร่อยมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ ปลายลิ้น คล้ายรสชาติของต้มยำ
  • ทอดมันหินแกรนิต ทอดมันกุ้ง มาจากเนื้อกุ้งปรุงรสด้วยหมึกดำผสมกับปลากหมึกสด เนื้อกรอบแน่น ผ่าออกมาด้านในจะมีสีจุดขาวๆ ดำๆ เหมือนหินแกรนิต ทานคู่กับซอสมะม่วง เปรี้ยวหวานกำลังดี
  • ยำเนื้อย่างออสเตรเลียองุ่นแดงไร้เมล็ด เนื้อย่างนุ่มหอมมาก คลุกกับน้ำยำที่ผสมกับสะระแหน่ พริก กระเทียม มีรสขององุ่นหวานตัดเลี่ยนได้ดี เป็นรสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว

main course (เมนูจานหลัก)

  • แกงเลี้ยงกุ้ง น้ำแกงมีกลิ่นหอมของเครื่องแกงที่โดดเด่นในกลิ่นของพริกไทย และกระชาย ซึ่งเครื่องแกงโขลกใหม่แบบสดๆ ทุกวัน ใส่ผักรวมสดๆ ผักมีรสชาติหวานกรอบ ในแบบธรรมชาติ ในถ้วยนี้มี เห็ดฟาง บวบ ข้าวโพดอ่อน
  • แกงส้มกุ้งแม่น้ำตัวโต รสเปรี้ยวหวานแบบไทยขนานแท้ น้ำพริกแกงส้มแบบโอมเมด โขลกเอง ละลายน้ำที่เคี่ยวกับก้างปลาข้ามคืน ซึ่งเขาจะเลือกใส่ผักตามฤดูกาล ในถ้วยนี้ มีถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน ผักกระเฉด ดอกแค กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ให้ 1 ตัว
  • ผักกาดขาวตุ๋นเห็ดหอม กลิ่นผักกาดมีความหอมแบบเกรียมนิดๆ นั่นเป็นเพราะขั้นตอนการทำมีการนำไปทอดก่อน จากนั้นก็นำมาตุ๋นกับน้ำต้มกระดูกไก่และเห็ดหอมแห้ง ตุ๋นเรื่อยๆ จนผักนิ่ม เนื้อผักกาดให้รสสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น เห็ดหอมมีความสดเด้ง เข้ากันกับน้ำแกงที่เข้มข้น และกระเทียมเจียวที่โรยหน้า
  • แกงปูใบชะพลู จานนี้ประโยชน์แน่นๆ จากหลากหลายสมุนไพรสดๆ ที่ผสมกันในเครื่องแกง พระเอกเลยก็คือใบชะพลู ส่วมผสมของเครื่องแกงเผ็ดนั้นเป็นแบบโฮมเมทตำเองสดใหม่ แล้วนำมาเคี่ยวกับกะทิ ไฮไลท์เด็ดอีกอย่างคือ เนื้อปูชิ้นใหม่สดใหม่ ทุกอย่างรสชาติเข้ากันเข้มข้นอร่อยในแบบฉบับไทยๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ คือเดอะเบสท์มากๆ
  • ผัดพริกขิงปลาดุกฟู รสชาติหอมมัน เหมาะมากกับการคลุกกินกับข้าวสวยร้อน ๆ ซึ่งเมนูจานนี้ เน้นเลือกปลาดุกอุยตัวใหญ่นำมาย่าง แกะเนื้อ และยีให้ละเอียด นำไปทอดจนฟูกรอบ แล้วนำไปผัดกับเครื่องแกงพริกขิง ใส่ถั่วฝักยาวหั่นแฉลบ และไข่แดงเต็มไชยา โรยหน้ามาด้วยสมุนไพรทอดกรอบ มะกรูด พริกแห้ง
  • มัสมั่นเนื้อน่องแกะ น้ำแกงข้นมากๆ จานนี้จัดว่าเด็ดและไม่ควรพลาดหากได้มาเยือนที่ร้านข้าว การันตีว่าเป็นแกงไทยที่อร่อยระดับโลก! ขอพูดถึงตัวน่องแกะกันก่อนพระเอกของจาน เนื้อนุ่มมากเพราะผ่านการเคี่ยวจนเปื่อย ซึ่งเชฟจะทำการทอดรีดน้ำมันออกก่อนแล้วจึงนำไปเคี่ยวกับหางกะทะและนำไปเคี่ยวซ้ำอีกครั้งในน้ำแกง ซึ่งแน่นอนเป็นแกงที่มาจากเครื่องแกงมัสมั่นที่โขลกเอง นอกจากนี้ยัมีส่วนผสมของมันฝรั่ง หอมใหญ่ ถั่วลิสงคั่วเอง โรยหน้าด้วยหอมเจียว แต่ที่ยิ่งทำให้เมนูจานนี้ยิ่งอร่อยขึ้นก็คือ มันม่วง ที่มีการใส่เข้าไปเป็นชิ้นๆ รสชาติหวานในแบบธรรมชาติของมันม่วง น้ำแกง และเนื้อน่องแกะ ทั้งหมดทั้งมวลช่างผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เป็นเมนูที่ชวนเติมข้าวได้เรื่อยๆ
  • น้ำพริกไข่ปู กับชุดผัก รสชาติน้ำพริกออกเปรี้ยวหวานไม่เผ็ด รสคล้ายน้ำจิ้มซีฟู๊ด จิ้มกับผักสดๆ และปลาทูทอดเข้ากันมากๆ
  • ปลาหมึกทอดกระเทียม สีเหลืองทอง ชุบแป้งบางๆ เนื้อปลาหมึกแน่นเด้ง เข้ากันกับน้ำซอสกระเทียม เหมาะทานกับข้าวสวยร้อนๆ

ขนมหวาน : ที่นี่เน้นรสชาติกลมกล่อม หวานกำลังพอเหมาะพอดี เพื่อให้ได้เสพความสุนทรีย์ของขนมไทยได้มากยิ่งขึ้น

  • หยกมญีสตอเบอร์รี่ หอมกลิ่นควันเทียน แป้งสาคูสอดไส้สตอเบอรี่ เนื้อแป้งมีความกรุบ สตอเบอรี่เคลือบถั่วเหลืองเนื้อสดหวานกำลังดี
  • สังขยาน้ำตาลไหม้หวานเย็นส้มสายน้ำผึ้ง ตัวสังขยารสชาติ เนื้อเนียนสไตล์พุดดิ้งแต่มีความหนึบ ตัดรสชาติความหานได้ดีด้วยหวานเย็นส้ม ชุ่มเย็นฉ่ำ มีกลิ่นหอมของส้มทำให้รู้สึกสดชื่น
  • ข้าวฟ่างเปียกลำไย ราดหน้าด้วยกะทิ รสชาติเค็มมันตัดกับหวานของข้าวฟ่างเปียก และเนื้อลำไยหวานเด้งฉ่ำสอดไส้วุ้น

ในส่วนของน้ำดื่ม ที่นี่มีหลากหลายมาก ทั้งน้ำผลไม้สกัดเย็น น้ำอัดลม น้ำสมูทตี้ ม็อกเทล ฯลฯ แนะนำ 3 เมนู ได้แก่

  • สมูทตี้ข้าวธัญพืช ใครสายเฮลท์ตี้แนะนำแก้วนี้ หอมกลิ่นธรรมชาติของข้าวและธัญพืช รสชาติมันๆ หวานๆ แบบธรรมชาติ (เพราะไม่มีการใส่ใส่น้ำตาลลงไป) มีเนื้อข้าวให้เคี้ยวกรุน้
  • น้ำลิ้นจี่มินท์ปั่น กลิ่นลิ้นจี่ละมุนหอมมาก ดื่มแล้วสดชื่นอะโลฮ่า ช่วยตัดเลี่ยนของอาหารคาวได้ดีนะ
  • ชีวิตชีวา น้ำผักผลไม้รวมสูตรเชฟวิชิต รสชาติของเสาวรส และขิงโดดเด่น ใครรักสุขภาพเป็นอีกแก้วที่แนะนำเลยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.facebook.com/khaogroup