สำหรับคนที่ใช้โน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์เมื่อเลิกใช้งานแล้วจะมีให้เลือกอยู่ 3 โหมด นั้นก็คือ Shut Down, Sleep และ Hibernate ซึ่งแน่นอนว่าจะมีอยู่ 2 โหมด ที่หลายคนมักใช้เป็นประจำ แต่รู้หรือไม่ว่าแต่ละโหมดใช้งานในเวลาไหนมากที่สุด แล้วต่างกันอย่างไร วันนี้เราไปทำความรู้จักกันเถอะ
โหมด Shut Down
เป็นโหมดที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นโหมดปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน๊คบุ๊คแบบสมบูรณ์โดยไม่มีการใช้พลังงานเลย เป็นการประหยัดไฟหรือแบตเตอรี่ของโน๊คบุ๊คและคอมพิวเตอร์นั่นเอง แต่เมื่อคุณเปิดเครื่องจะเสียเวลาในรอบูสเครื่องนานหน่อย บางคนรอเป็นนาที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสเปกของเครื่องด้วย
โหมด Sleep
เป็นโหมดที่ทำให่คอมพิวเตอร์เข้าสู่โหมดการใช้พลังงานต่ำ โดยที่โปรแกรมที่เราเปิดใช้งานอยู่หรือไฟล์ต่างๆ ก็ยังคงเปิดค้างทิ้งไว้โดยที่ไม่หายไปไหน ซึ่งเมื่อกลับมาเปิดเครื่องใช้งานอีกครั้งก็สามารถใช้งานต่อได้เลยโดยที่ไม่ต้องรอบูสเครื่อง และไม่ต้องเปิดโปรแกรมหรือไฟล์ต่างๆ ที่เราใช้งานอีกครั้ง แต่จะกินไฟและแบตเตอรี่สักหน่อย
โหมด Hibernate
โหมดนี้ บางคนอาจจะยังไม่รู้จัก ซึ่งเป็นโหมดแทบจะไม่กินไฟเลยก็ว่าได้ เหมือนกับโหมด Shut Down แต่ข้อดีนั้นก็คือโปรแกรมต่างๆ ที่เราเปิดใช้งานอยู่ยังคงเปิดค้างทิ้งไว้ และจะถูกบันทึกเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์แทน จึงทำให้เปลืองพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์มากขึ้น ซึ่งโหมดนี้สามารถเปิดเครื่องแล้วพร้อมใช้งานต่อได้ทันทีและไม่กินไฟ แต่ความเร็วตอนเปิดเครื่องจะมีความช้ากว่าโหมด Sleep และอาจจะเร็วกว่าการเปิดเครื่องหลังจาก Shut Down บ้างเล็กน้อย
ซึ่งทั้ง 3 โหมดที่ว่านี้ ก็มีการใช้งานที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานของแต่ละบุคคลว่าจะเลือกใช้งานแบบไหน ถ้าต้องการใช้ชั่วคราวก็ใช้โหมด Sleep แต่ถ้าไม่ได้ใช้นานก็ควรเลือกโหมด Hibernate จะดีกว่าแต่ถ้าไม่ใช้งานแล้ว ไม่มีโปรแกรมที่ทำอะไรค้างไว้ก็ควร Shut Down ไปเลยดีที่สุด
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจาก 3 โหมดแล้ว ยังมีโหมด Hybrid ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอบนคอมพิวเตอร์แบบเดสก์ท็อปเท่านั้น แต่จะไม่มีในโน๊ตบุ๊ค เพราะเนื่องจากมีแบตเตอรี่อยู่แล้ว ซึ่งโหมดนี้ ถ้าเกิดไฟดับ โปรแกรมต่างๆ ที่เปิดค้างไว้ก็จะไม่หายนั้นเอง เพราะจะถูกบันทึกเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์เหมือนกับ Hibernate แต่การเปิดเครื่องจะบูสเร็วและกินไฟใกล้เคียงกับโหมด Sleep
ที่มา howtogeek
