มนุษย์เลี้ยงสัตว์ไว้ด้วยเหตุผลหลากหลายประการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านการปศุสัตว์ ด้านการ เกษตรกรรม หรือเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนร่วมทางในชีวิต โดยเฉพาะเหตุผลข้อหลัง ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่เริ่มเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับสังคมยุคปัจจุบัน โดยมีการสำรวจทางการตลาดจากสถาบันวิจัยและสถาบันทางการเงินพบว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอีกหลายปีที่จะมาถึง
แต่สัตว์เลี้ยงก็เช่นเดียวกับคน ย่อมมีความป่วยไข้ บาดเจ็บมีสภาวะแก่เฒ่า อุปกรณ์เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นเหตุผลที่ทำให้ คุณภวรัญชน์ สุวรรณสันติสุข หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ‘PETANEER’ สตาร์ทอัพสำหรับอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง มุ่งเป้าที่จะส่งเสริมสุขภาพของเพื่อนตัวเล็กที่คุณรัก ให้อยู่ไปได้อีกนานเท่านาน
จากหมอผู้ใส่ใจสุขภาพสัตว์ สู่อุปกรณ์เพื่อสัตว์เลี้ยงป่วยไข้และสูงวัย
PETANEER นั้น ในช่วงแรกเริ่ม เกิดจากประสบการณ์ของสัตวแพทย์ ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท
ได้พบเห็นปัญหาในด้านการบำบัดสุขภาพของสัตว์เลี้ยงที่สูงวัยและป่วยไข้จากโรงพยาบาลสัตว์ และด้วยพื้นฐานการศึกษาด้าน Bio-Engineering จึงได้ต่อยอดกลายมาเป็นไอเดียที่จะก่อตั้งบริษัทเพื่อผลิตอุปกรณ์ในการรองรับสถานการณ์ดังกล่าว
‘พวกเราเริ่มก่อตั้งในปี 2015 แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลสัตว์ จนมาถึงประมาณปี 2018 ถึง 2019 ก็แยกตัวออกมาเป็น PETANEER เพราะมองเห็นโอกาสทางด้านการตลาด ที่จะมีความยืดหยุ่นในการขยายตัวมากกว่า’ คุณภวรัญชน์ สุวรรณสันติสุข หนึ่งในผู้ก่อตั้ง PETANEER กล่าวถึงที่มาที่ไป
‘กลุ่มลูกค้าหลักของ PETANEER จะมีทั้งแบบ B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Customer) เราพยายามหาผู้จัดจำหน่ายในการขยาย แต่ลูกค้าอีกส่วนก็เป็นโรงพยาบาลสัตว์ และผู้เลี้ยงสัตว์ทั่วไป ที่ติดต่อออนไลน์เข้ามา โดยสัดส่วนลูกค้าจะเป็นครึ่งต่อครึ่ง
รวมถึงมีบางส่วนที่ส่งออกไปต่างประเทศด้วย’
ทั้งนี้ คุณภวรัญชน์ยังได้กล่าวว่า จุดแข็งสำคัญที่ทำให้ PETANEER ได้การตอบรับอย่างดีจากลูกค้าทั้งสองกลุ่ม คือนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์ที่ล้ำหน้า และการดัดแปลงได้ตามความต้องการของลูกค้า ที่ทำให้มีลูกค้าทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศอย่างหนาแน่น
การเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยง และการดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวะ COVID-19
แต่เช่นเดียวกับทุกกิจการ การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงปี 2019 ก่อให้เกิดความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่ PETANEER แต่กระนั้น การเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยงที่คงที่และมีแนวโน้มสูงขึ้น ก็ช่วยให้บริษัทสามารถผ่านพ้นวิกฤติมาได้
‘จริงๆ ถ้ามองแล้ว เราโตตามความต้องการของตลาดมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในสภาวะปกติ หรือในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีอัตราการเติบโตที่ 5-10% เป็นอัตราคงที่ ยิ่งสังคมเดี่ยวมากขึ้น คนเลี้ยงสัตว์มากขึ้น คนใช้บริการสถานพยาบาล และเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่เติบโตและสูงวัยเพิ่มมากขึ้น ‘ คุณภวรัญชน์กล่าวเสริม
รวมถึงการปรับตัวของทาง PETANEER ที่ดำเนินกิจการอย่างใกล้ชิด ทั้งการไปส่งสินค้าด้วยตนเอง การติดต่อพูดคุยกับผู้ซื้อผ่านระบบออนไลน์ ก็ช่วยให้บริษัทสามารถประคองตัวอยู่ได้ในระดับคงที่ ไม่ขาดทุน และสามารถเดินหน้าต่อไป
‘พวกเราอาจจะต้องถือว่าเป็นบริษัทขนาดเล็กนะครับ แต่ยอดขายของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นประมาณ 70% พิจารณาจากงบการเงินที่เพิ่งปิดไป ซึ่งจุดนี้ มองได้ว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงโตขึ้น และรวมถึงการที่คนสามารถพาสัตว์เลี้ยงออกมาข้างนอกได้ จากการผ่อนคลายการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น’
เป้าหมาย และการ Exit เพื่อไปสู่นวัตกรรมใหม่
มาในวันนี้ ผลิตภัณฑ์ของ PETANEER สามารถตีตลาดทั้งในส่วนองค์กร โรงพยาบาลสัตว์ และผู้เลี้ยงสัตว์ได้เป็นจำนวนมาก และพวกเขาก็ได้มองภาพเอาไว้ข้างหน้าถึงการ ‘Exit’ เพื่อต่อยอดทางธุรกิจไปสู่นวัตกรรมใหม่ที่รอคอยอยู่
‘จริงๆ เรามีโปรเจ็กต์อยู่ตลอดครับ แต่อยากจะ Exit เพื่อนำเงินที่ได้ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อีกสองสามชนิดที่คิดเอาไว้ และยังเกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงอยู่ เช่น เสื้อที่จับสัญญาณดูอารมณ์ของสัตว์เลี้ยง หรือปลอกคอ GPS ป้องกันแมวหลงหาย เป็นต้น ‘ คุณภวรัญชน์กล่าวถึงแผนธุรกิจที่ตั้งใจไว้กับ PETANEER ในอีกห้าปีข้างหน้า
นอกเหนือจากนั้น ยังมีเป้าหมายของการจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ของ PETANEER ในตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกา เพื่อเปิดตลาดในฟากดังกล่าว ซึ่งเป็นอีกเป้าหมายสำคัญ
‘มีลูกค้าจากทางนั้นติดต่อเข้ามาหลายราย ซึ่งเราก็อยากจะป้องกันนวัตกรรมของเราด้วยลิขสิทธิ์ก่อนที่จะขยายตลาดไปในทางนั้น แต่ติดปัญหาเดียวคือมีราคาแพงมาก แต่คิดว่าอยู่ในระยะที่สามารถทำได้’
ท้ายที่สุดนี้ เมื่อถามถึงสิ่งที่เป็นความภูมิใจ หรือ Feedback ที่ทำให้รู้สึกว่า PETANEER มาถูกทาง คือสิ่งใดนั้น นี่คือคำตอบที่คุณภวรัญชน์ได้กล่าวไว้
‘อย่างแรกเลยคือ สุขภาพของสัตว์หลังการใช้งานอุปกรณ์นั้น ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่า 95% แสดงว่านวัตกรรมของเราตอบโจทย์ได้จริง อย่างที่สอง ผู้ใช้งานในต่างประเทศ ที่เคยใช้แบรนด์จากยุโรปหรืออเมริกา หันมาใช้สินค้าของเรามากขึ้น ทั้งหมดนี้ ทำให้เรามั่นใจว่ามาถูกทาง’
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.petaneer.com/ และ https://www.facebook.com/petaneer/
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Startup Thailand Marketplace
ของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)