พาชมออฟฟิตใหม่ของชาว MONO

วันที่ 29 มิถุนายน 2563 เป็นวันดีที่ชาวโมโนจะได้ฤกษ์ย้ายบ้านใหม่ ตามวิถี New Normal โดยย้ายออฟฟิศจากที่มั่นเดิมอาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ ที่เป็นสไตล์ออฟฟิศจ๋าๆ มาอยู่บ้านใหม่ที่เปลี่ยนสไตล์จากเดิม มาอยู่ที่ MONO…

Home / Other / พาชมออฟฟิตใหม่ของชาว MONO

วันที่ 29 มิถุนายน 2563 เป็นวันดีที่ชาวโมโนจะได้ฤกษ์ย้ายบ้านใหม่ ตามวิถี New Normal โดยย้ายออฟฟิศจากที่มั่นเดิมอาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ ที่เป็นสไตล์ออฟฟิศจ๋าๆ มาอยู่บ้านใหม่ที่เปลี่ยนสไตล์จากเดิม มาอยู่ที่ MONO 29 STUDIO เลขที่ 29/9 หมู่ที่ 4 ถนนชัยพฤกษ์ ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120

ต้องยอมรับว่าในช่วง โควิด-19 ทำให้มีการปรับการทำงานเป็นแบบ work from home ทำให้เรียนรู้ว่าเนเจอร์ของชาวโมโนสามารถทำงานในรูปแบบนี้ได้ โดยคุณภาพการงานยังเท่าเดิม ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะดีกว่าเดิมได้อีก ดังนั้นออฟฟิศใหม่จึงถูกออกแบบให้เป็น Co-working space และ work from anywhere ตามคอนเซปต์ที่ผู้บริหารอยากให้พนักงานสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ซึ่งยืดหยุ่นกับวิถี New Normal

ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริหาร บอย-ปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ “จริงๆ แล้วเราคุยกันเรื่องกระแสของออฟฟฟิศใหม่ๆ ที่เป็น Co-working space ซึ่งทุกคนสามารถเปลี่ยนทำเลที่นั่งเมื่อไรก็ได้ แต่หลักการนี้่เคยคิดไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นยังไม่เวิร์ค แต่พอช่วงโควิดก็เลยนำไอเดียนี้กลับมา แถมยังคิดว่าจัดดีไซน์ใหม่ด้วยเลยดีกว่า ใหม่หมดเลยกระทั่งชื่อเราเปลี่ยนจาก MONO Technology เป็น MONO Next ที่เปลี่ยนก็เพราะว่าเดิมเทคโนโลยีเป็นงานหลักของเรา แต่ช่วงหลังคนจะรู้้จักโมโนในเรื่องของบันเทิง ก็เลยคิดว่าเพื่อแสดงถึงก้าวใหม่ของโมโนที่เป็นบันเทิงล้วนทั้งหนังและซีรีส์ คิดว่าออฟฟิศ รูปแบบนี้ปลอดภัยกันพนักงาน ถ้าโควิดมา เราก็จะลดความหนาแน่น จัดโต๊ะให้ห่างกันอีก เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับ MONO Next และรองรับกับโควิดด้วย”

โดย Co-working space แห่งให่ของ MONO Next ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นบนพื้นที่ Stage 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ Studio เดิมของโมโนเอง โดยได้แรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจากหนังและซีรีส์ที่เป็นหนึ่งในธุรกิจของโมโน โดยแบ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ตกแต่งเป็นโต๊ะและเก้าอี้ตามจุดต่างๆ รองรับการทำงานและการประชุมตั้งแต่ 1 – 10 คน แบ่งเป็นโซนต่างๆ เช่น ถ้าอยากคุยงานจะจัดเป็นโต๊ะทรงเตี้ย แต่พอมาเป็นโซนทำงานก็จะเป็นโต๊ะทรงสูงรวมถึงเก้าอีก็เลือกใช้แบบหลังตรงช่วยเซฟหลังหากต้องนั่งทำงานนานๆ หรือถ้าใครที่ต้องการประชุมระดมสมองก็จะมีไวท์บอร์ด และจอสมาร์ททีวีที่สามารถเชื่อต่อกับคอมได้ ซึ่งทั้งหมดจะมีฐานติดล้อกระจายอยู่ทั่วออฟฟิศ ทำให้ทุกๆ โต๊ะสามารถพรีเซนต์งานได้หมด

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นระเบียงชั้น 2 ให้นั่งประชุมกันแบบเงียบๆ พร้อม 1 ห้องประชุมเก๋ๆ ในสไตล์ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งในส่วนของ Co-working space ก็เตรียมพร้อม Wifi ที่แยกส่วนให้พนักงาน และสำหรับแขกที่มาประชุมจากที่อื่น

ด้านในติดตั้งตู้ขายของอัตโนมัติทั้งของกินเล่น น้ำ และชากาแฟ ที่รองรับทั้งเงินสดและระบบจ่ายเงินออนไลน์ และตกแต่งบรรยาการให้ร่มรื่นด้วยต้นไม้และเพลงบรรเลงเบาๆ

ที่ด้านนอกถูกปรับเปลี่ยนเป็น Rest Area สำหรับนั่งเล่นและใช้รับประทานอาหารเป็นหลัก ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยวิวสนามบาสทั้ง 5 สนาม ที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาเรียน และให้พนักงานใช้ผ่อนคลายได้ด้วย

หายห่วงเรื่องความปลอดภัยเมื่อเข้าพื้นที่ของ MONO เพราะแยกพนักงานและผู้มาติดต่อตั้งแต่ป้อม รปภ. ด้านหน้า โดนผู้มาติดต่อจะต้องจอดแลกบัตรที่ห้องคอนเทนเนอร์ที่ด้านหน้า เมื่อผ่านเข้ามาจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิอย่างเคร่งครัด ทำให้สบายใจเรื่องคนนอกที่จะเข้ามาปะปน และจาก โควิด-19 อีกด้วย