นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ จัดตั้งขึ้นโดยภาคคณะสงฆ์ โดย กรมการศาสนาได้สนับสนุน ส่งเสริม เพื่อให้การดำเนินงานเกิดความเข้มแข็งและมั่นคง ให้ ศพอ. เป็นศูนย์เรียนรู้คู่คุณธรรม ที่เปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้ศึกษาเรียนรู้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ถูกต้องตามสมควรแก่ภูมิปัญญาของตน เพื่อเป็นการส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา สนับสนุนให้วัดมีบทบาทในการปฏิบัติภารกิจด้านการศึกษาสงเคราะห์ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน หรือบวร ให้มีความผูกพันกลมเกลียวอันเป็นเอกลักษณ์ของวิถีไทยที่เคยมีมา เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันหลักของชาติได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อว่า กรมการศาสนา มีระเบียบว่าด้วยศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ พ.ศ. 2562 รวมทั้ง ประกาศกรมการศาสนา เรื่อง การจัดชั้นเรียนและหลักสูตรการเรียนการสอนของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ พ.ศ. 2562 เพื่อให้การเรียนการสอนแก่เด็กและเยาวชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผลในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เผยแผ่หลักธรรมสู่เด็ก เยาวชน และประชาชน ที่จะให้ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นศูนย์เรียนรู้คู่คุณธรรมของคนในชุมชน “ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์” ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนของภาคคณะสงฆ์ คือ หลักสูตรธรรมศึกษาชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก เป็นวิชาบังคับ โดยมีวิชาเลือกอย่างน้อย 1 วิชา เช่น วิชาภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาต่างประเทศอื่นๆ วิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาไทย วิชาดนตรีไทย วิชาศิลปะ วิชาคอมพิวเตอร์ วิชาวัฒนธรรมไทย มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และส่งเสริมให้ให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมในกิจกรรมทางศาสนา อาทิ กิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กิจกรรมวันสำคัญทางสถาบันพระมหากษัตริย์ กิจกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ประเพณีท้องถิ่น เป็นต้น
“ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์” ที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของกรมการศาสนา ปัจจุบันมีอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งหมด 2,805 ศูนย์ แบ่งเป็น ส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) จำนวน 47 ศูนย์ และส่วนภูมิภาค ๗๖ จังหวัด จำนวน 2,758 ศูนย์ ทำการเปิดการเรียนการสอนในวันอาทิตย์และวันอื่นๆมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และไม่น้อยกว่า 80 ชั่วโมงต่อปี โดยให้เป็นไปตามบริบท อัตลักษณ์ของพื้นที่ เปิดโอกาสให้เด็ก เยาวชน ประชาชนทุกกลุ่มวัยที่มีความสนใจได้สมัครเข้าเรียน เพื่อเพิ่มพูนความรู้แก่ตนเอง ดังนั้น ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าศึกษาได้ตามความสะดวกของตนเอง เพื่อเพิ่มเติมความรู้ด้านพระพุทธศาสนา ด้านศาสนพิธี เสริมสร้างประสบการณ์ด้านศาสนปฏิบัติจากการได้สัมผัสจริง เกิดความภาคภูมิใจในตนเองและเห็นคุณค่าของศาสนาและประเพณีวัฒนธรรมไทย สมกับการได้เกิดมาเป็นพุทธศาสนิกชนที่มีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทรงคุณค่า นำมาซึ่งความสงบร่มเย็นในสังคมอย่างแท้จริง
เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมดังกล่าว กรมการศาสนา จึงได้กำหนดจัดกิจกรรม “Open House เปิดบ้าน ศพอ.” ในรูปแบบของการจัดเวทีเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียนในกรุงเทพมหานคร และระดมความคิดเห็น เพื่อหาแนวทางพัฒนา ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมร่วมกัน นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ส่วนภูมิภาคได้เข้ามามีส่วนร่วมแลกเปลี่ยน เสนอความคิดเห็นในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม สามารถนำไปปรับใช้ เพื่อให้เกิดการบูรณาการการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ผ่านกลไก “พลังบวร” บ้าน – วัด/ศาสนสถาน – โรงเรียน/ราชการ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการสนับสนุนให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา โดยการน้อมนำและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนทางศาสนาในชีวิตประจำวัน อันจะนำสู่ความเข้มแข็งของพระพุทธศาสนาต่อไป