โนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) บริษัทด้านเวชภัณฑ์ยาชั้นนำระดับโลกในการคิดค้นนวัตกรรมในการรักษาโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ ก่อตั้งขึ้นในปี 2466 มีอายุยืนยาวกว่า 1 ศตวรรษ ได้สร้างความฮือฮาในวงการอีกครั้งด้วยการเผยผลประกอบการปี 2566 ที่แข็งแกร่งอย่างมีนัยยะสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์และปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและความสำเร็จอย่างยั่งยืน
ในปี 2566 ที่ผ่านมา โนโว นอร์ดิสค์ มีรายได้อยู่ที่ 232,261 ล้าน DKK (หรือประมาณ 1,207 พันล้านบาท) เติบโต 36% และมีกำไรจากการดำเนินงาน 102,574 ล้าน DKK (ประมาณ 533 พันล้านบาท) เติบโต 44% ซึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญส่วนหนึ่งมากจากประชากรโลกสูงวัย อายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้นและผู้ป่วยโรคเรื้อรังเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์
นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ (Enrico Cañal Bruland) รองประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึง 3 เสาหลักสู่อนาคตที่ยั่งยืนของโนโว นอร์ดิสค์ ประกอบด้วย
- ผลประกอบการทางการเงินที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทได้ให้ความสำคัญในการลงทุนพัฒนาและค้นคว้าวิจัยหาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ
- การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมีเป้าหมายภายในปี 2045 จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเหลือศูนย์ในกระบวนการผลิตยาทั่วโลก
- ความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งบริษัทเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ป่วยในระยะยาว และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ และโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง
เราเชื่อว่าทั้ง 3 พื้นฐานสำคัญนี้ จะสนับสนุนให้องค์กรสร้างธุรกิจได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับ NNways (Novo Nordisk Ways) ซึ่งเป็นพันธกิจด้านความยั่งยืนของเรา ที่จะต้องสร้างความยั่งยืนทั้งทางการเงิน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ ปัจจุบันมีผู้ป่วยทั่วโลกกว่า 40 ล้านคน และเป้าหมายของเราคือการรักษาผู้ป่วยให้มากขึ้นและขยายการช่วยเหลือไปยังผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย ความท้าทายด้านสุขภาพจะคล้ายคลึงกับโลกตะวันตก อาทิ อัตราการเป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนที่ใกล้เคียงกับสเปน ฝรั่งเศส และอังกฤษ นี่คือโจทย์ระดับโลกที่ต้องการวิธีแก้ไขเฉพาะพื้นที่ โดยเชื่อมั่นว่าการที่มุ่งมั่นในการขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงการรักษา และเชื่อว่านวัตกรรม การเข้าถึงบริการสุขภาพ และความรวดเร็ว เป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรค NCDs อื่นๆ โดยการทำงานของเราไม่เคยหยุดที่จะแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ในการเพิ่มโอกาสเข้าถึงการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีล้ำสมัย มาใช้สร้างความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ หรือพัฒนารูปแบบการให้บริการที่เหมาะสม
ยกตัวอย่าง โครงการ Affordability Project ที่โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับกรมการแพทย์ ริเริ่มโครงการนี้ โดยมีระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2565 – 2568 เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงการคัดกรอง การวินิจฉัย และการรักษาโรคเบาหวานในพื้นที่ชนบทอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพและรักษาโรคเบาหวานแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุขของไทยได้ นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2566 ที่โนโว นอร์ดิสค์ ครบรอบ 100 ปี ได้เชิญผู้แทนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประกอบด้วย สถานทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ WHO รวมถึงภาคีเครือข่ายอีกหลายแห่ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุขที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น
นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ กล่าวทิ้งท้ายว่านอกจากความมุ่งมั่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยด้วยการคิดค้นนวัตกรรมยาใหม่ๆ แล้ว โนโว นอร์ดิสค์ ยังให้ความสำคัญกับ ‘คน’ เพราะความสำเร็จของพนักงาน คือหัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนของเรา โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการดูแล พัฒนา และดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยอดเยี่ยมส่งผลต่อธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการที่มีพนักงานที่ดีจะช่วยสร้างวัฒนธรรมแห่งความเป็นเลิศ เป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จ อีกทั้งบริษัทยังให้โอกาสพนักงานทุกคนในการพัฒนาศักยภาพ และให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพ ยอมรับความหลากหลายและเปิดกว้าง มุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนรู้สึกมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุน โดยมีรางวัล Best Places to Work เป็นเครื่องการันตีจากโนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2563 – 2566 และยังได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดสำหรับผู้หญิงต่อเนื่อง 2 ปีซ้อนอีกด้วย