Toyota Motor Corporation เตรียมยกระดับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและกลุ่มรถยนต์อินไฮบริดครั้งสำคัญ ด้วยการเดินหน้าพัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และแบตเตอรี่โซลิดสเตตในอนาคต โดยจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนมากถึง 14 พันล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 4.58 หมื่นล้านกว่าบาท
ผู้บริหารของโตโยต้ากล่าวในการแถลงข่าวออนไลน์เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา โดยได้เผยว่าทางบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะจะลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลงครึ่งหนึ่งในช่วงหลังทศวรรษนี้ไปพร้อม ๆ กับการนำแบตเตอรี่โซลิดสเตตเข้าสู่กระบวนการผลิตและจัดจำหน่ายควบคู่ด้วย
Mr. Masahiko Maeda ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของโตโยต้า กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังพิจารณาใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตตที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า BEV 100% และกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ซึ่งขึ้นอยู่กับศักยภาพของทีมวิศวกรในการพัฒนาแบตเตอรี่ที่มีความสมดุลของกำลังขับ และความเสถียรที่เหมาะสมหรือไม่
ขณะเดียวกัน แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน โดยเป้าหมายครั้งนี้คือการพัฒนาแบตเตอรี่เจนเนอเรชั่นใหม่ที่มีจุดเด่นที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการอัดประจุและจ่ายพลังงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมสู่คอมแพ็คคาร์ และซับคอมแพ็คได้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน ทางบริษัทฯ ก็จะขยายอายุการใช้งานแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ด้วยโครงสร้างเซลล์แบบ “ไบโพลาร์” ที่พัฒนาขึ้นใหม่ โครงสร้างนี้ช่วยให้แบตเตอรี่เพิ่มความหนาแน่นของพลังงานเป็นสองเท่า โดยได้นำไปใช้กับ Toyota Aqua หรือ Prius C
โดยรวมแล้ว Toyota หวังว่าจะสามารถจัดหาแบตเตอรี่ได้ 200 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมงภายในปี 2030 เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 180 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งจะสามารถผลิตและจำหน่ายกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าได้แปดล้านคันภายในปี 2030
นอกจากนี้ ทางโตโยต้าเองก็ต้องการให้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ทุกรูปแบบนี้เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ ทั้งประสิทธิภาพการประจุอัดไฟฟ้า อายุการใช้งานที่ยาวนาน และปลอดภัย
เครดิตคลิปประกอบจาก Toyota Motor Corporation