วันนี้ (25 ม.ค.64 ) ที่ ศูนย์บัญชาการโควิด (ศบค) กระทรวงมหาดไทย กลุ่มสมาคมคราฟท์เบียร์ประเทศไทย เดินทางมายื่นหนังสือ เพื่อ ” ทวงความเป็นธรรม ” หลังการประกาศของ กทม. ไม่มีการระบุว่าอนุญาตให้กลับมาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อดื่มที่ร้านได้แล้วหรือไม่ ผู้ประกอบการร้านคราฟท์เบียร์ ผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย ได้รับความเดือดร้อน ต่างรอคอยความชัดเจนและการช่วยเหลือมาตลอดทั้งเดือน แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้ให้คำตอบเลย จนกระทั่งวันนี้
ทั้งนี้ ทีมข่าว MThai ได้สอบถาม คุณ บิว หรือ ธราธิป ธงชัยภูมิ ผู้นำเข้าคราฟท์เบียร์ ถึงผลกระทบในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 โดย คุณ บิว กล่าวว่า ผลกระทบระลอกแรก เรายังสามารถขายออนไลน์กันได้ ก่อนที่กฎหมายมาตรา 30 ออก ยังมีช่องทางให้เราจำหน่าย ถึงแม้จะถูกสั่งปิด ผู้ผลิตก็ยังขายได้ แต่ร้านค้าร้านอาหาร ตายหมดเลย
ในประเทศเราไม่ได้มีแค่ผับบาร์ร้านยืนเต้น ยังมีร้านอาหารที่ขายคราฟท์เบียร์ แต่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผับบาร์ ซึ่งคนดื่มก็ต้องนั่งดื่มนั่งคุยกันอยุ่แล้ว แล้วเขาไม่มีอาหาร พอห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็จบเลย
ร้านแบบนี้โดนผลกระทบเยอะมาก แล้วมาออกยังมากฎหมายห้ามขายเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์โดยวิธีการหรือในลักษณะการขายทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อ ธันวาคม 2563 พวกเราก็ได้ยื่นหนังสื่อคัดค้านไปแล้ว แต่ไม่รู้หนังสือ หายไปไหน ส่งผลให้เราไม่เหลืองช่องทางทำมาหากิน
สังคมไทยธุรกิจค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตกเป็นผู้ร้ายและจําเลยของสังคมไทยมาตลอดอยู่แล้ว รู้สึกว่าเราต้องถูกฎหมายควบคุม ทำไมเราไม่พูดถึงวัฒนธรรมการดื่มที่มันถูกต้อง การชนหมดแก้วมันถูกต้องหรือเปล่า มันไม่ควรจะส่งเสริมหรือเปล่า
เราพูดถึงควรดื่มปริมาณเท่าไหร่ ไม่ควรดื่มปริมาณเท่าไหร่ อะไรแบบนี้ ต้องทำความเข้าใจกัน เพราะมันคืออาหารชนิดนึ่ง เป็นสุนทรียะแห่งการดื่มกิน
หากเขาจะมองว่าผู้ร้ายมาตลอดผมไม่แปลกใจ ในสื่อกระแสหลักก็ทำแบบนั้นมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็โทษเหล้าเบียร์ ถ้าไม่อยากให้เกิดเมาแล้วขับ ก็เพิ่มค่าปรับทางกฎหมายได้ มันมีวิธีที่ทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้
ผมผิดตรงไหนที่ชอบดื่มเบียร์แล้วผมมีความชอบกับตรงนั้น ผมผิดตรงไหนที่ผมไม่เหมือนคุณ
ธราธิป ธงชัยภูมิ
ขอผ่อนปรนจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โดยแถลงการณ์ระบุว่า เรื่อง ขอความกรุณาผ่อนปรนให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้และขอความกรุณาผ่อนปรนให้ร้านอาหารนั่งได้ถึงเวลา 23.00 น.
เรียน คณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
เนื่องด้วยคำสั่งของ ศบค. อนุญาตให้ลูกค้าสามารถรับประทานอาหารภายในร้านได้ถึงเวลา 21.00 น. และไม่อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคในร้านได้ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจร้านอาหารและร้านคราฟต์เบียร์ทั้งประเทศ ช่วงเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ภายใต้คำสั่งดังกล่าว ทำให้ร้านคราฟต์เบียร์ไม่สามารถทำธุรกิจได้ตามปกติ รายได้ลดลงกว่า 90% เนื่องจากรายได้หลักของผู้ประกอบการร้านคราฟต์เบียร์มาจากการบริโภคภายในร้านเป็นหลัก ในขณะที่ต้นและทุนและค่าใช้จ่ายไม่ได้ลดลงเลย ผลกระทบดังกล่าวนี้ส่งผลต่อร้านคราฟต์เบียร์ไม่น้อยกว่า 500 ร้านทั่วประเทศ มีผู้ประกอบการและพนักงานที่ได้รับผลกระทบไม่น้อยกว่า 5,000 คน
ทางสมาคมได้เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 ซึ่งทางกรมควบคุมโรคมีข้อเสนอแนะว่าร้านอาหารสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อการบริโภคในร้านได้ ภายใต้เงื่อนไขดังนี้
- มีการเว้นระยะห่างของลูกค้าตามมาตรของรัฐ
- ไม่มีการแชร์แก้วเครื่องดื่มโดยเด็ดขาด
- ไม่ให้มีการลุกขึ้นเต้นภายในร้าน
จากข้อเสนอแนะในที่ประชุมดังกล่าว ทางสมาคมคราฟต์เบียร์มีความมั่นใจ ว่าผู้ประกอบการทุกร้านจะสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขได้ ทางสมาคมฯจึงใคร่ขอความกรุณาคณะกรรมการ ศบค. ได้โปรดผ่อนปรนให้ร้านอาหารสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อการบริโภคภายในร้านได้ ถึงเวลา 22.00 น. และอนุญาตลูกค้านั่งได้ถึง 23.00 น. เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารและพนักงานสามารถอยู่รอดได้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา นายอาชิระวัสส์ วรรณศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมคราฟต์เบียร์
