เมื่อการผ่าตัดสมองไม่จำเป็นต้องเปิดแผล : ศัลยศาสตร์ประสาทยุคใหม่กับ Gamma Knife

โรคทางสมองและระบบประสาทเป็นเรื่องที่ฟังดูน่ากังวลสำหรับหลายคน เพราะมักถูกเชื่อมโยงกับภาพของการผ่าตัดใหญ่ การเปิดกะโหลกศีรษะ

Home / PR NEWS / เมื่อการผ่าตัดสมองไม่จำเป็นต้องเปิดแผล : ศัลยศาสตร์ประสาทยุคใหม่กับ Gamma Knife

โรคทางสมองและระบบประสาทเป็นเรื่องที่ฟังดูน่ากังวลสำหรับหลายคน เพราะมักถูกเชื่อมโยงกับภาพของการผ่าตัดใหญ่ การเปิดกะโหลกศีรษะ และความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการฟื้นตัวที่ยาวนาน หรือความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงหลังการรักษา ความกลัวเหล่านี้ทำให้ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยลังเลหรือชะลอการเข้ารับการรักษา

แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาไปไกลกว่าที่หลายคนคิด โดยเฉพาะ Gamma Knife นวัตกรรมด้านการรักษาที่ช่วยให้การรักษาโรคสมองและระบบประสาทมีความแม่นยำสูง เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้รวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องเปิดแผลผ่าตัดเหมือนในอดีต ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดแบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนบทบาทใหม่ของศัลยแพทย์ระบบประสาทในยุคปัจจุบัน ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียง “ผ่าตัด” เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Gamma Knife เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่กับความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยในระยะยาว

ศัลยกรรมประสาทคืออะไร และดูแลโรคแบบไหนบ้าง

เมื่อพูดถึงคำว่า “ศัลยกรรมประสาท” หลายคนอาจนึกถึงการผ่าตัดสมองที่ซับซ้อนและน่ากังวล แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศัลยกรรมประสาทคือสาขาการแพทย์ที่ทำหน้าที่ดูแล วินิจฉัย และรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับสมอง ระบบประสาท และไขสันหลัง ตั้งแต่ความผิดปกติขนาดเล็ก ไปจนถึงโรคที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด

ศัลยแพทย์ระบบประสาทไม่ได้ดูแลเฉพาะกรณีที่ต้อง “ผ่าตัดใหญ่” เท่านั้น ยังหมายรวมถึงการผ่าตัดแบบแผลเล็ก หรือที่นิยมเรียกกันว่า “แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว” โดยมี เป้าหมายคือการรักษาที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยง และคงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีที่สุด การรักษาแบบแผลเล็กหรือ Minimally invasiveนี้ ก็เป็นหนึ่งในวิธีการผ่าตัดที่ รศ.นพ.เมธี รักษาให้กับผู้ป่วยที่รพ.วิภาวดีมานานเป็นสิบปีแล้ว แต่ในปัจจุบัน ได้พัฒนาการรักษาให้ก้าวหน้าไปอีก คือ

การรักษาแบบไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัด ซึ่งช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อสมองและระยะเวลาการฟื้นตัว โดยโรคที่สามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้แก่
● เนื้องอกในสมอง (Brain tumor) ทั้งชนิดไม่ร้ายแรงและชนิดร้ายแรง ซึ่งอาจกดทับสมองและส่งผลต่อการมองเห็น การพูด หรือการเคลื่อนไหว
● โรคมะเร็งในสมองระยะแพร่กระจาย (Brain metastasis)
● โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ เช่น เส้นเลือดสมองโป่งพอง (AVMX หรือเส้นเลือดสมองรั่ว ชนิด Dural AV fistula ที่มีความเสี่ยงต่อการแตกและก่อให้เกิดอันตรายรุนแรง
● โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal neuralgia) ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงเป็นพัก ๆ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
● โรคลมชักและโรคพาร์กินสัน ในบางกรณีที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา

ศัลยกรรมประสาทยุคใหม่ ไม่ได้หมายถึงการเปิดกะโหลกเสมอไป

สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกเคสจำเป็นต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะเหมือนในอดีต ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาไปอย่างมาก ช่วยให้การรักษาโรคสมองมีความแม่นยำสูงขึ้น ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง และทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคการผ่าตัดแบบ “แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว” หรือ Minimally invasive neurosurgery ที่ รศ.นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ ได้ใช้รักษาให้กับผู้ป่วยโรคทางสมอง ให้กับทางศูนย์สมอง รพ.วิภาวดี มาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบัน มีวิธีใหม่ที่เป็นทางเลือกเพิ่มในการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดคือ การรักษาด้วยรังสีเฉพาะจุดอย่าง Gamma Knife โดยยังคงประสิทธิภาพในการรักษาและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน

การพัฒนานี้ทำให้ศัลยกรรมประสาทในยุคปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่ ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นหลัก พร้อมเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละราย ไม่ใช่เพียงการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว

Gamma Knife คืออะไร ทำไมถูกเรียกว่า ‘รังสีศัลยกรรมสมอง’

Gamma Knife คือเทคโนโลยีการรักษาโรคทางสมองและระบบประสาทที่ล้ำหน้ามากในปัจจุบัน เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองของการรักษาโรคสมองจากการผ่าตัดใหญ่ ไปสู่การรักษาที่แม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น

แม้ชื่อจะมีคำว่า “Knife” แต่ในความเป็นจริง ไม่มีมีด ไม่มีการผ่าตัด และไม่มีแผลเปิด Gamma Knife จึงไม่ใช่การผ่าตัดแบบดั้งเดิม แต่ถูกเรียกว่า “รังสีศัลยกรรมสมอง” (Radiosurgery) เพราะเป็นการใช้พลังงานรังสีในระดับสูงเพื่อทำลายหรือควบคุมรอยโรคในสมองได้อย่างแม่นยำ เทียบเท่าการผ่าตัด แต่เจ็บน้อยและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนอย่างมาก

หลักการทำงานของ Gamma Knife คือการ รวมพลังของรังสีจากหลายทิศทางให้ไปโฟกัสที่ตำแหน่งรอยโรคเพียงจุดเดียว ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองปกติรอบข้างได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เทคโนโลยีนี้จึงเหมาะสำหรับการรักษาความผิดปกติภายในสมองที่ต้องการความละเอียดสูง พร้อมช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ไวขึ้น

3 เหตุผลหลักที่ทำให้ Gamma Knife แตกต่างจากการรักษาแบบเดิม

1) ไม่ต้องผ่าตัด (No Incision)

Gamma Knife ไม่จำเป็นต้องเปิดกะโหลกศีรษะ ไม่มีแผลผ่าตัด และไม่ต้องดมยาสลบเหมือนการผ่าตัดสมองแบบดั้งเดิม ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถเข้ารับการรักษาและกลับบ้านได้ในวันเดียว ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ เลือดออก และภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดใหญ่ได้อย่างชัดเจน

2) ความแม่นยำสูงมาก ระดับมิลลิเมตร

จุดเด่นสำคัญของ Gamma Knife คือความแม่นยำสูงในระดับมิลลิเมตร แพทย์สามารถระบุตำแหน่งรอยโรคจากภาพถ่ายสมอง เช่น MRI หรือ CT Scan และวางแผนยิงรังสีให้ตรงจุดเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและควบคุมผลกระทบต่อเนื้อสมองได้อย่างแม่นยำ

3) กระทบเนื้อสมองดีน้อยมาก

แม้จะใช้พลังงานรังสีเข้มข้น แต่ Gamma Knife ถูกออกแบบให้รังสีแต่ละลำมีความเข้มต่ำขณะผ่านเนื้อสมองปกติ และจะรวมพลังกันเฉพาะจุดที่ต้องการรักษาเท่านั้น ทำให้เนื้อสมองส่วนดีรอบข้างได้รับผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับการรักษาแบบอื่น

เปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย – การทำงานของ Gamma Knife เปรียบได้กับ
“การใช้รังสีหลายร้อยลำ ยิงจากหลายทิศทาง แล้วรวมพลังกันที่จุดเล็ก ๆ เพียงจุดเดียว”
จุดนั้นจะได้รับพลังงานสูงพอในการทำลายรอยโรค ขณะที่บริเวณรอบข้างยังคงปลอดภัย

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Gamma Knife จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของศัลยกรรมประสาทยุคใหม่ ที่ช่วยให้การรักษาโรคสมองมีความแม่นยำ เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะเหมือนในอดีต

Gamma Knife Icon – เทคโนโลยีที่ทำให้การรักษา ‘ยืดหยุ่นและปลอดภัยกว่าเดิม’

Gamma Knife Icon คือ รุ่นพัฒนาล่าสุดของเทคโนโลยี Gamma Knife ที่ออกแบบมาเพื่อให้การรักษาโรคทางสมองมีความยืดหยุ่น สบาย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ป่วย ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงความแม่นยำทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์ของผู้ป่วย” ตั้งแต่ก่อนเริ่มรักษา ระหว่างการรักษา ไปจนถึงช่วงฟื้นตัว

เทคโนโลยีนี้ช่วยลดภาพจำเดิม ๆ ที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับการรักษาโรคสมอง ว่าจะต้องเจ็บ ทรมาน หรือมีความเสี่ยงสูง Gamma Knife Icon ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย มั่นใจ และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการรักษา

คุณสมบัติเด่นที่ทำให้ Gamma Knife Icon แตกต่าง

ฉายรังสีได้ทั้งแบบครั้งเดียว หรือแบ่งหลายครั้ง

Gamma Knife Icon สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างยืดหยุ่น แพทย์อาจเลือกการฉายรังสีแบบ ครั้งเดียวจบ สำหรับรอยโรคขนาดเล็ก หรือเลือก แบ่งการฉายรังสีออกเป็นหลายครั้ง (Fractionated Treatment) สำหรับรอยโรคที่อยู่ใกล้โครงสร้างสำคัญของสมอง วิธีนี้ช่วยลดผลกระทบต่อเนื้อสมองดีรอบข้าง และ เพิ่มความปลอดภัยในระยะยาวของผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ

เลือกใช้อุปกรณ์ยึดตรึงได้ทั้ง Frame และ Mask

ผู้ป่วยสามารถเลือกวิธีการยึดศีรษะได้ตามความเหมาะสมของโรคและความสบายส่วนตัว
● Frame เหมาะกับการรักษาที่ต้องการความแม่นยำสูงมากในครั้งเดียว
● Mask เป็นหน้ากากยึดศีรษะแบบไม่เจาะ ไม่เจ็บ ช่วยลดความกังวล เหมาะกับผู้ที่ต้องรับการรักษาหลายครั้ง
ทางเลือกที่มากขึ้นนี้ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและลดความกังวลระหว่างการรักษาได้เป็นอย่างดีต

ระบบติดตามการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้น

หนึ่งในจุดแข็งของ Gamma Knife Icon คือ ระบบติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ หากมีการขยับศีรษะเกินค่าที่กำหนด เครื่องจะ หยุดการฉายรังสีโดยอัตโนมัติทันที ช่วยลดความเสี่ยงจากการคลาดเคลื่อน และเพิ่มความมั่นใจให้ทั้งผู้ป่วยและทีมแพทย์

โฟกัสที่ประสบการณ์ของผู้ป่วย (Patient Experience)

Gamma Knife Icon ไม่ได้ถูกพัฒนาเพื่อแพทย์เท่านั้น แต่ถูกออกแบบมาเพื่อ “ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง”
● ลดความเจ็บปวด
● ลดความกลัวและความกังวลก่อนการรักษา
● ใช้เวลารักษาสั้น ไม่กระทบชีวิตประจำวันมาก
● ฟื้นตัวเร็ว และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติไวขึ้น
ทั้งหมดนี้ทำให้ Gamma Knife Icon กลายเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองของการรักษาโรคสมอง จากเรื่องที่น่ากลัว ให้กลายเป็นการรักษาที่ ปลอดภัย วางใจได้ และเป็นมิตรกับผู้ป่วยมากกว่าเดิม

โรคทางสมองที่สามารถรักษาด้วย Gamma Knife ได้

Gamma Knife ไม่ได้ใช้รักษาแค่โรคใดโรคหนึ่งเท่านั้น แต่ครอบคลุมโรคทางสมองและระบบประสาทหลายกลุ่ม โดยเฉพาะโรคที่ต้องการ ความแม่นยำสูง และต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดเปิดกะโหลก เพื่อให้เข้าใจง่าย สามารถแบ่งกลุ่มโรคที่เหมาะกับการรักษาด้วย Gamma Knife ได้เป็น 4 กลุ่มหลักดังนี้

1) เนื้องอกสมองชนิดไม่ร้าย (Benign Brain Tumors)

เป็นกลุ่มโรคที่พบได้บ่อยและตอบสนองต่อการรักษาด้วย Gamma Knife ได้ดีมาก เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการหลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่

ตัวอย่างโรคที่พบบ่อย
● เนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง (Meningioma)
● เนื้องอกเส้นประสาทการได้ยิน (Acoustic Neuroma)
● เนื้องอกต่อมใต้สมอง (Pituitary Adenoma)
● เนื้องอกเซลล์สมอง (Glioma)
● เนื้องอกแบบมะเร็งสมอง (Glioblastoma)
● เนื้องอกสมองอีกหลายแบบ

จุดเด่นของ Gamma Knife ในกลุ่มนี้

  • ควบคุมขนาดก้อนเนื้องอก หยุดยั้งการโต หรือทำให้ฝ่อตัวลง โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดสมอง
  • ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเนื้อสมองปกติรอบข้าง
  • ผู้ป่วย สามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังรักษา โดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล**

2) มะเร็งที่แพร่กระจายมาสมอง (Brain Metastasis)

มะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งลำไส้ อาจมีการกระจายของเซลล์มะเร็งมาที่สมอง Gamma Knife สามารถรักษาได้แม้มีรอยโรคหลายตำแหน่งในสมอง ทั้งนี้ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ มักหมายถึงโรคลุกลามระยะสุดท้าย รอการเสียชีวิต แม้จะได้รับการรักษาแบบอาบรังสีทั้งสมอง (Whole brain radiation) แต่ด้วยความสามารถของ Gamma knife จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายจากโรคได้ หรือมีโอกาสนที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ยืนยาวได้อีกหลายปี

ข้อดีสำคัญของ Gamma Knife

  • ฉายรังสีเฉพาะจุด ไม่ทำลายสมองส่วนดี
  • สามารถรักษาหลายก้อนพร้อมกันได้
  • ช่วยควบคุมโรคและคงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย

3) ความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง

โดยเฉพาะ AVM (Arteriovenous Malformation) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำเชื่อมต่อกันผิดปกติ เสี่ยงต่อการแตกและเลือดออกในสมอง ที่แม้จะได้รับการอุดเส้นเลือด (Embolization) ก็มีความเสี่ยงต่อความพิการสูง และมักทำได้ไม่หมด และ Dural AV fistula ที่การผ่าตัดรักษาทำได้ยาก

Gamma Knife เหมาะอย่างไรในกลุ่มนี้

  • ช่วยให้หลอดเลือดผิดปกติค่อย ๆ ปิดตัวลง
  • ลดความเสี่ยงการเกิดเลือดออกในอนาคต
  • เหมาะสำหรับตำแหน่งลึกหรือบริเวณที่ผ่าตัดได้ยาก หรือล้มเหลวจากการรักษาด้วยการอุดเส้นเลือด (Embolization)

4) โรคการทำงานของสมอง (Functional Brain Disorders)

ไม่ใช่เนื้องอก แต่เป็นความผิดปกติของการทำงานของระบบประสาท ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง

ตัวอย่างโรคที่รักษาได้
● โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal Neuralgia) ที่ไม่มีสาเหตุหรือไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดสมองได้
● โรคลมชักบางชนิดที่ไม่ตอบสนองต่อยา
● ความผิดปกติของการเคลื่อนไหวบางรูปแบบ เช่น อาการสั่่นรุนแรงจากโรค Parkinson

ประโยชน์ของ Gamma Knife

  • ช่วยลดอาการปวด อาการสั่น หรืออาการชักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ไม่ต้องผ่าตัดเปิดสมอง
  • ฟื้นตัวเร็ว และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ไวขึ้น

บทบาทของแพทย์เฉพาะทาง — เมื่อเทคโนโลยีต้องทำงานร่วมกับประสบการณ์

แม้ Gamma Knife จะเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและแม่นยำสูง แต่หัวใจของการรักษาไม่ได้อยู่ที่เครื่องเพียงอย่างเดียว หากอยู่ที่ การวางแผนการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การรักษาต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของศัลยแพทย์ระบบประสาท แพทย์รังสีรักษา แพทย์วินิจฉัยภาพ และทีมสหสาขา เพื่อประเมินโรค กำหนดตำแหน่ง และวางแผนปริมาณรังสีให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายอย่างแม่นยำและปลอดภัย

ที่ โรงพยาบาลวิภาวดี ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ประสาทมีประสบการณ์ในการดูแลโรคสมองและระบบประสาทที่ซับซ้อน พร้อมใช้ Gamma Knife ภายใต้แนวคิดการรักษาที่เน้น ความปลอดภัย ความแม่นยำ และคุณภาพชีวิตหลังการรักษา ทำให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างรอบด้านและได้มาตรฐานในทุกขั้นตอน

แนะนำแพทย์ศัลยศาสตร์ประสาท — รศ.นพ. เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ

รศ.นพ. เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ เป็นแพทย์ศัลยศาสตร์ประสาทที่เชี่ยวชาญการรักษาโรคสมองด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี โดยเฉพาะ แนวทาง Minimally Invasive Neurosurgery (การผ่าตัดแบบแผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว) และ Gamma knife ที่เน้นความแม่นยำ เจ็บน้อย และลดการผ่าตัดเปิดกะโหลก ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วและคงคุณภาพชีวิตในระยะยาว

ด้วยประสบการณ์การอบรมจากต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ เยอรมนี เกาหลี ปราก และตุรกี ทำให้ รศ.นพ. เมธี สามารถนำมาตรฐานการรักษาระดับสากลมาประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคทางสมองและระบบประสาทได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

Gamma Knife เหมาะกับใคร และแตกต่างจากการผ่าตัดแบบเดิมอย่างไร

Q: Gamma Knife เหมาะกับใครบ้าง?
A: เหมาะกับผู้ป่วยเนื้องอกสมองขนาดเล็ก–ปานกลาง ความผิดปกติของหลอดเลือดสมองบางชนิด (เช่น AVM) โรคการทำงานของสมอง เช่น ปวดเส้นประสาทใบหน้า ลมชัก และผู้ที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดเปิดกะโหลก

Q: ผู้สูงอายุรักษาด้วย Gamma Knife ได้ไหม?
A: ได้ และเหมาะมาก เพราะไม่ต้องผ่าตัดหรือดมยาสลบ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว

Q: ต้องนอนโรงพยาบาลกี่วัน?
A: ส่วนใหญ่ไม่ต้องนอน หรือพักเพียง 1 คืน แล้วกลับบ้านได้ทันที

Q: ฟื้นตัวเร็วแค่ไหน?
A: เร็วมาก ส่วนใหญ่กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

Q: ต่างจากการผ่าตัดสมองแบบเดิมอย่างไร?
A: ไม่ต้องเปิดแผล แม่นยำสูง ลดภาวะแทรกซ้อน ฟื้นตัวเร็ว และคุณภาพชีวิตหลังรักษาดีกว่า

สรุป — ศัลยศาสตร์ประสาทยุคใหม่ คือการรักษาที่แม่นยำและเห็นคุณค่าคุณภาพชีวิต

ศัลยศาสตร์ประสาทยุคใหม่ได้ก้าวพ้นภาพจำของการผ่าตัดใหญ่ เทคโนโลยีอย่าง Gamma Knife ช่วยเพิ่มทางเลือกในการรักษาโรคสมองด้วยความแม่นยำ เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว โดยมุ่งเน้น คุณภาพชีวิตหลังการรักษา อย่างไรก็ตาม แนวทางที่เหมาะสมต้องผ่านการประเมินรายบุคคลโดยแพทย์เฉพาะทาง

โรงพยาบาลวิภาวดี พร้อมดูแลโรคสมองและระบบประสาทแบบครบวงจร ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีทันสมัย และการดูแลแบบสหสาขา เพื่อการรักษาที่ปลอดภัย แม่นยำ และได้ผลดีที่สุด