กลุ่มบริษัทซีดีจี ผนึกพลังคนรุ่นใหม่ทั่วเอเชีย ระเบิดไอเดียเวที Hackathon x 42 Asia ยกระดับเอกสารดิจิทัล ด้วยโซลูชัน AI ผสาน OCR ขับเคลื่อนไทยสู่ Smart Governance

กลุ่มบริษัทซีดีจี ผนึก 42 Bangkok และเครือข่ายทั่วเอเชีย จัด Hackathon 2025 ดึงคนรุ่นใหม่สายเทคพัฒนาโซลูชัน AI

Home / PR NEWS / กลุ่มบริษัทซีดีจี ผนึกพลังคนรุ่นใหม่ทั่วเอเชีย ระเบิดไอเดียเวที Hackathon x 42 Asia ยกระดับเอกสารดิจิทัล ด้วยโซลูชัน AI ผสาน OCR ขับเคลื่อนไทยสู่ Smart Governance

กลุ่มบริษัทซีดีจี ผนึก 42 Bangkok และเครือข่ายทั่วเอเชีย จัด Hackathon 2025 ดึงคนรุ่นใหม่สายเทคพัฒนาโซลูชัน AI จัดการเอกสารภาครัฐอย่างเป็นระบบ ทีม Kaetai 42Tokyo จากญี่ปุ่น คว้าชัยด้วยแนวคิดที่เริ่มจากการจัดเตรียมข้อมูล (Data Labeling) ให้ AI เรียนรู้จากข้อมูลจริง และพิสูจน์ผลลัพธ์ได้ทันทีผ่านการอ่านลายมือ ผสานจุดเด่นด้านการใช้งานจริงทันที่ด้วยหน้าจอแบบ Ready-to-Use ที่เข้าใจง่าย พร้อมจำแนกเอกสารได้หลายภาษา ปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอัตโนมัติตามมาตรฐาน PDPA สะท้อนบทบาทคนรุ่นใหม่ในการผลักดันอนาคต Smart Governance ของไทย

กลุ่มบริษัทซีดีจี ร่วมกับ 42 Bangkok สถาบันโปรแกรมเมอร์ชั้นนำระดับโลก ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดการแข่งขัน “CDG x 42Asia Hackathon 2025” ภายใต้โจทย์ “AI-Powered Document Management for Smart Governance” มุ่งสร้างโซลูชันที่ยกระดับหน่วยงานภาครัฐก้าวสู่ยุคดิจิทัลไปอีกขั้นผ่านฝีมือของผู้เข้าแข่งขันทั่วเอเชีย โดยทีม “Kaetai” จาก 42Tokyo ประเทศญี่ปุ่นคว้ารางวัลชนะเลิศ ด้วยแนวคิดที่ออกแบบให้ AI เรียนรู้และทำงานได้จริงกับเอกสารรูปแบบต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐ ตอกย้ำบทบาทการเชื่อมั่นในศักยภาพของคนรุ่นใหม่ พลิกวิธีการทำงานภาครัฐสู่ Smart Governance ด้วยเทคโนโลยีร่วมกัน

นายปริญญา ผลพฤกษสกุล ประธานบริษัท ซีดีจี ซิสเต็มส์ จำกัด ตัวแทนกลุ่มบริษัทซีดีจี กล่าวว่า “หนึ่งในโจทย์สำคัญของการยกระดับภาครัฐสู่ยุคดิจิทัล คือการออกแบบระบบที่ช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น โปร่งใสขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ทันท่วงที เวทีนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ดึงศักยภาพของคนรุ่นใหม่จากหลายประเทศในเอเชียให้มาร่วมกันมอง ‘โจทย์เดียวกัน’ ผ่านมุมมองเชิงเทคโนโลยีที่หลากหลาย เมื่อแนวคิดระดับนานาชาติมาผสานการมองเห็นโอกาสในการพัฒนากระบวนการทำงานภาครัฐ เราจะได้ต้นแบบที่ก้าวข้ามข้อจำกัดในแง่มุมต่าง ๆ และช่วยยกระดับการทำงานของรัฐทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญสู่ Smart Governance”

การแข่งขันครั้งนี้ออกแบบให้ผู้เข้าแข่งขันพัฒนาโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยี AI รองรับงานเอกสารของภาครัฐได้ครบขั้นตอน ตั้งแต่การอ่านและแปลงเอกสารด้วย OCR การจำแนกประเภท การดึงข้อมูลสำคัญให้อยู่ในรูปแบบโครงสร้าง เช่น วันที่ ชื่อ ที่อยู่ และตัวเลขสำคัญ (Structured Data) ไปจนถึงฟีเจอร์รองรับหลายภาษา และระบบปกปิดข้อมูลส่วนบุคคล (PII Masking) โดยทุกทีมต้องพัฒนาบนเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่เปิดให้ตรวจสอบและนำไปต่อยอดได้ ส่งผลงานในรูปแบบชุดคำสั่งหรือไฟล์โปรแกรมที่เปิดใช้งานได้ทันทีทำให้คณะกรรมการสามารถสาธิตและทดสอบการทำงานจริงได้ ซึ่งทั้งหมดถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินด้านความแม่นยำ ความเร็ว ความปลอดภัย และความพร้อมต่อการนำไปใช้งานจริงในหน่วยงานภาครัฐ

สำหรับผลการแข่งขัน ทีม “Kaetai” จาก 42Tokyo ประเทศญี่ปุ่น ได้รับรางวัลชนะเลิศ ด้วยการตีโจทย์ที่ลึกกว่าระบบอ่านเอกสารอัจฉริยะ (OCR) ทั่วไป โดยเริ่มจากการให้ความสำคัญกับการเตรียมข้อมูล (Data Labeling) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ AI เรียนรู้ได้ดีขึ้นและพัฒนาได้ต่อเนื่อง ช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่ในระยะยาว โซลูชันของทีมโดดเด่นด้วยการผสาน AI เข้ากับ OCR ขยายขีดความสามารถสู่การอ่านลายมือ (Handwriting OCR) ที่พิสูจน์แล้วว่าทำงานได้จริงกับเอกสารภาครัฐ รองรับหลายภาษา พร้อมฟีเจอร์ลบลายน้ำ และระบบปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลอัตโนมัติ (PII Masking) ตามมาตรฐาน PDPA ทำให้ระบบมีความฉลาดและพร้อมใช้งานจริงทันที

ขณะที่รางวัลรองชนะเลิศตกเป็นของ ทีม “42Amman” จากประเทศจอร์แดน ด้วยการพัฒนาโครงสร้างระบบที่รองรับงานขนาดใหญ่เชื่อมต่อหลายหน่วยงาน (Scalable Architecture) ติดตั้งได้ทั้งบนคลาวด์ และภายในองค์กร จุดเด่นอยู่ที่ความสามารถด้าน Semantic Search หรือการค้นหาแบบเข้าใจความหมาย และ AI Summaries ที่ช่วยสรุปสาระสำคัญจากเอกสารจำนวนมาก เพื่อต่อยอดสู่ Single Government Portal ในอนาคต โดยทั้งสองผลงานถือเป็นต้นแบบที่ตอบโจทย์ทั้งระยะสั้นที่พร้อมใช้งาน และระยะยาวที่รองรับการเติบโตระดับประเทศได้อย่างสมบูรณ์

“สิ่งสำคัญที่เราได้จากเวทีนี้ ไม่ได้มีแค่ผลงานต้นแบบ แต่คือมุมมองใหม่ ๆ จากคนรุ่นใหม่ทั่วเอเชียที่ช่วยให้เราเห็นโอกาสในการพัฒนาระบบบริการภาครัฐในแบบที่ตอบโจทย์ประชาชนได้มากขึ้น CDG จะนำชุดความรู้และแนวคิดเหล่านี้ไปต่อยอดร่วมกับหน่วยงานรัฐ เพื่อสร้างโซลูชันที่ใช้งานได้จริงในวงกว้าง และขยายสู่ระดับประเทศในอนาคต เราเชื่อว่าเมื่อเทคโนโลยีมาจับมือกับพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ประเทศไทยจะก้าวไปสู่ระบบราชการที่ทันสมัย โปร่งใส และเป็นประโยชน์ต่อทุกคนได้อย่างแท้จริง นี่คือหัวใจของ Technology for a Better Society ที่เรายึดมั่นมาตลอด” นายปริญญา กล่าวปิดท้าย