ในยุคที่ใคร ๆ ก็หันมาทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นขายของออนไลน์ ฟรีแลนซ์ หรือสตาร์ทอัพ การเริ่มต้นที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก และก้าวแรกที่หลายคนมักกังวลคือเรื่องการ จดทะเบียนบริษัท เพราะมีความเชื่อเดิม ๆ ว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เอกสารเยอะ และมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำให้ธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและโอกาสในการเติบโตได้มากกว่าการทำในนามบุคคลธรรมดา
บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่าขั้นตอนการจดบริษัทในปัจจุบันนั้นทำอย่างไร ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง รวมถึงสรุปค่าใช้จ่ายและทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเริ่ม จดทะเบียนบริษัท ตอนไหนและใช้วิธีใดถึงจะคุ้มค่าที่สุด
จดทะเบียนบริษัท คืออะไร? สิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้ก่อนเริ่มสร้างธุรกิจ
จดทะเบียนบริษัท คือ การยกระดับการทำธุรกิจจาก “บุคคลธรรมดา” ให้กลายเป็น “นิติบุคคล” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งหมายความว่ากฎหมายจะสมมติให้บริษัทเป็นบุคคลคนหนึ่งที่แยกต่างหากจากเจ้าของ โดยกรรมการบริษัทที่มีหน้าที่ดำเนินการในนามบริษัท เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร การทำสัญญาซื้อขาย หรือการถือครองทรัพย์สิน
การจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทจำกัด จะทำให้หนี้สินหรือความรับผิดชอบต่างๆ จำกัดอยู่เพียงมูลค่าหุ้นที่จดทะเบียนไว้เท่านั้น (ตามชื่อ “บริษัทจำกัด”) ไม่ลามมาถึงทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าของ ซึ่งต่างจากการทำธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียวที่หากเกิดปัญหาหนี้สิน เจ้าของจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด

ความสำคัญของการ จดทะเบียนบริษัท มีอะไรบ้าง?
หลายคนอาจสงสัยว่าขายของไปเรื่อย ๆ ก็ได้กำไรดีอยู่แล้ว ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องทางการด้วย? จริงๆ แล้วการจดทะเบียนมีข้อดีในระยะยาวหลายด้าน ดังนี้
● สร้างความน่าเชื่อถือ: ลูกค้าองค์กร คู่ค้า หรือ Supplier มักจะมั่นใจในการทำธุรกรรมกับบริษัทมากกว่าบุคคลธรรมดา ทำให้มีโอกาสได้รับงานใหญ่หรือประมูลงานภาครัฐได้ง่ายขึ้น
● การเข้าถึงแหล่งเงินทุน: ธนาคารมักปล่อยสินเชื่อให้กับนิติบุคคลได้ง่ายกว่า และมักได้วงเงินที่สูงกว่าบุคคลธรรมดา เพราะมีเอกสารงบการเงินที่ตรวจสอบได้
● สิทธิประโยชน์ทางภาษี : อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดอยู่ที่ 20% ซึ่งต่ำกว่าภาษีบุคคลธรรมดาที่สูงสุดถึง 35% นอกจากนี้ ธุรกิจ SME ยังได้รับสิทธิยกเว้นภาษีในกำไรช่วงแรกตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
● แยกทรัพย์สินชัดเจน : ช่วยบริหารความเสี่ยง โดยแยกเงินกระเป๋าซ้าย (ส่วนตัว) และกระเป๋าขวา (ธุรกิจ) ออกจากกัน ทำให้บริหารจัดการเงินได้มีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการ จดทะเบียนบริษัท ต้องเตรียมตัวและใช้อะไรบ้าง? อธิบายแบบเข้าใจง่าย
ปัจจุบันขั้นตอนการจดทะเบียนสะดวกขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก โดยหลัก ๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนสำคัญ ดังนี้
1. การจองชื่อนิติบุคคลและการเตรียมที่ตั้งสำนักงาน
ด่านแรกคือการตั้งชื่อบริษัท โดยต้องนำชื่อที่คิดไว้ไปตรวจสอบและจองผ่านระบบออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อดูว่าชื่อซ้ำหรือใกล้เคียงกับบริษัทอื่นหรือไม่ นอกจากนี้ต้องเตรียมสถานที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งจะใช้เป็นที่อยู่ตามกฎหมาย โดยต้องมีทะเบียนบ้านจากเจ้าบ้านประกอบการจดทะเบียน
2. การกำหนดทุนจดทะเบียนและโครงสร้างผู้ถือหุ้น
กฎหมายปัจจุบันเอื้อให้ทำธุรกิจง่ายขึ้น โดยกำหนดให้มีผู้เริ่มก่อการและผู้ถือหุ้นขั้นต่ำเพียง 2 คน เท่านั้น (จากเดิมที่ต้องใช้ 3 คน) สำหรับทุนจดทะเบียน และต้องมีมูลค่าหุ้นบริษัท ไม่ต่ำกว่า 5 บาท (ข้อบังคับทางกฏหมาย) ซึ่งส่วนใหญ่นิยมจดกันที่ 1 ล้านบาท เพื่อความน่าเชื่อถือ และต้องมีการชำระค่าหุ้นตามที่กฎหมายกำหนด
3. การยื่นเอกสารต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เมื่อเตรียมชื่อบริษัท จำนวนทุนจดทะเบียน และผู้ถือหุ้นพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดทำคำขอจดทะเบียนและเอกสารประกอบ (แบบ บอจ.) เพื่อยื่นต่อนายทะเบียน ซึ่งสามารถทำได้ผ่านการยื่นผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD Biz Regist) เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 กรมพัฒนาธุรกิจฯ ได้ปิดรับการจดทะเบียนธุรกิจแบบ Walk in
สิ่งที่ควรรู้และหน้าที่ตามกฎหมายหลังการ จดทะเบียนบริษัท มีอะไรบ้าง ?
การได้หนังสือรับรองบริษัทไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของหน้าที่ในฐานะนิติบุคคล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำต่อทันที ได้แก่
● การทำบัญชีและงบการเงิน: กฎหมายบังคับให้บริษัทต้องจัดทำบัญชีและมีผู้ทำบัญชีที่ถูกต้อง เพื่อนำส่งงบการเงินปีละ 1 ครั้ง โดยต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชี (CPA) เซ็นรับรอง
● การยื่นภาษี: ต้องยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ทุกเดือน (หากรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีและจด VAT) รวมถึงภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้นิติบุคคลกลางปีและสิ้นปี
● การขึ้นทะเบียนประกันสังคม: หากบริษัทมีการจ้างพนักงาน ต้องนำลูกจ้างขึ้นทะเบียนประกันสังคมและนำส่งเงินสมทบทุกเดือน
จดทะเบียนบริษัท ราคาเท่าไร? เสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระให้กับหน่วยงานราชการสำหรับการจดทะเบียนบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 6,300 บาท ซึ่งราคานี้เป็นการรวมค่าใช้จ่ายหลักๆ ไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน, ค่าอากรแสตมป์สำหรับหนังสือบริคณห์สนธิและข้อบังคับ, รวมถึงค่าเอกสารต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนได้เล็กน้อย แนะนำให้ติดตามประกาศล่าสุดจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

บริการรับจดทะเบียนบริษัท ตัวช่วยให้การเปิดบริษัทเป็นเรื่องสะดวกและรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการด้วยตัวเองอาจมีความซับซ้อนในเรื่องการเตรียมเอกสารทางกฎหมาย หากกรอกผิดพลาดอาจต้องแก้หลายรอบ และต้องจัดทำเอกสารใหม่ ซึ่งใช้เวลาเพิ่มเข้าไปอีกมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงนิยมใช้ “บริการรับจดทะเบียนบริษัท” เพื่อความรวดเร็วและถูกต้องตามกฎหมาย 100%
และถ้าหากคุณกำลังมองหาตัวช่วยมืออาชีพ ขอแนะนำ FlowAccount โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่มีให้บริการรับจดทะเบียนบริษัทแบบครบวงจร เหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลเอกสารให้ทั้งหมด ตั้งแต่จองชื่อ ยันคัดหนังสือรับรอง ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปกรมฯ เอง
และพิเศษ! ถ้าจดทะเบียนบริษัทผ่าน FlowAccount คุณจะได้รับโปรแกรมบัญชี FlowAccount แพ็คเกจสูงสุดไปใช้งานฟรี 1 ปีเต็ม ช่วยให้คุณเปิดบิลและทำบัญชีเบื้องต้นได้ทันทีหลังเปิดบริษัท เริ่มต้นธุรกิจอย่างมั่นคง ลดความเสี่ยงเรื่องเอกสารผิดพลาด สอบถามรายละเอียดแพ็กเกจและราคาได้ ตามช่องทางการติดต่อด้านล่าง
● LINE : @flowaccount
● เบอร์โทร์ศัพท์ : 020268989
● E-Mail : [email protected]
● Facebook : FlowAccount
● Website: https://flowaccount.com/business-registration