วางแผนกู้ซื้อบ้านใช้เงินเท่าไหร่? เปิดลิสต์ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องรู้
บ้านเป็นพื้นที่แห่งความสุข และการใช้ชีวิตของเราในทุก ๆ วัน การมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นอีกหนึ่งการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต แต่ก่อนที่จะซื้อบ้าน ต้องมีการวางแผนการเงินที่ดี เพื่อให้เราสามารถซื้อบ้านได้โดยไม่กระทบต่อการเงิน ซึ่งการซื้อบ้านนอกจากการเตรียมเงินดาวน์แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมไว้ด้วย บทความจะชวนไปเปิดลิสต์ค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน ตั้งแต่เงินก้อนแรกที่ต้องมี ไปจนถึงค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ ที่ต้องรู้ พร้อมวิธีคำนวณง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณเห็นภาพรวมทั้งหมดและเตรียมความพร้อมได้อย่างมั่นใจ
เงินดาวน์ เงินก้อนแรกที่ต้องเตรียมให้พร้อม
เงินดาวน์ คือ เงินสดก้อนแรกที่ผู้ซื้อจะต้องชำระให้กับผู้ขายหรือเจ้าของโครงการ เพื่อเป็นเหมือนการยืนยันการซื้อขายและเป็นหลักประกัน การดาวน์บ้านในเปอร์เซ็นต์ที่สูง ไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระยอดหนี้ที่ต้องกู้ แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อและอาจทำให้คุณได้รับเงื่อนไขดอกเบี้ยที่ดีขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญการเตรียมเงินดาวน์ให้พร้อมยังเป็นการแสดงให้ธนาคารเห็นว่าเรามีความพร้อม สะท้อนถึงวินัยและความสามารถในการผ่อนชำระในระยะยาว
สูตรคำนวณเงินดาวน์บ้าน
● เงินดาวน์ = ราคาบ้าน x เปอร์เซ็นต์เงินดาวน์
● ตัวอย่างราคาบ้าน 4,800,000 บาท เงินดาวน์ 30%
● เงินดาวน์ = 4,800,000 x 30% = 1,440,000
เปิดลิสต์ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมเมื่อกู้ซื้อบ้าน

การเตรียมเงินดาวน์ให้พร้อมเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะการซื้อขายและขอสินเชื่อบ้าน ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกหลายรายการที่ต้องเตรียมให้พร้อม ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าธรรมเนียมตามกฎหมายที่จำเป็นต้องชำระ เพื่อให้การโอนกรรมสิทธิ์บ้านเป็นของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ เรามาดูกันว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรอีกบ้างที่คุณต้องใส่ไว้ในลิสต์
ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์
ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ คือ ค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระให้กับกรมที่ดิน เพื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของในโฉนดที่ดินจากผู้ขายมาเป็นชื่อของผู้ซื้อตามกฎหมาย โดยปกติแล้วจะคิดในอัตรา 2% ของราคาประเมินที่ดินรวมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งโดยทั่วไปผู้ซื้อและผู้ขายมักจะตกลงแบ่งกันชำระคนละครึ่ง (ฝ่ายละ 1%)
ค่าจดจำนอง
สำหรับผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร จะมีค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า “ค่าจดจำนอง” เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรายการ คือค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระให้กรมที่ดินในการจดทะเบียนจำนองบ้านและที่ดินนั้น ๆ ไว้เป็นหลักประกันกับธนาคารผู้ให้กู้ โดยกฎหมายกำหนดให้คิดในอัตรา 1% ของวงเงินกู้ทั้งหมด (ยอดเงินที่คุณกู้จากธนาคารรวมกันทุกวงเงินที่เกี่ยวข้องกับการขอสินเชื่อบ้าน เช่น วงเงินตกแต่ง และวงเงินประกัน)
กรณีบ้าน คิดค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
กรณีห้องชุด คิดค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ (คำนวณตามวงเงินกู้จริง)
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ผู้กู้จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ไม่สามารถแบ่งกับผู้ขายได้
แต่ในปี 2568 รัฐบาลมีมาตราการสนับสนุนลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ เหลือ 0.01% สำหรับราคาซื้อขาย และราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งมาตราการนี้มีผลใช้บังคับไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 ถือเป็นการช่วยลดหย่อนค่าธรรมเนียมส่วนนี้ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก
ค่าอากรแสตมป์ หรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ค่าใช้จ่ายส่วนอากรแสตมป์ หรือ ภาษีธุรกิจเฉพาะจะต้องชำระอย่างใดอย่างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้ขาย โดยมีรายละเอียดดังนี้
● ค่าอากรแสตมป์ : คิดในอัตรา 0.5% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน (แล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่า) จะต้องชำระในกรณีที่ผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดาและถือครองอสังหาริมทรัพย์นั้นเกิน 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี
● ภาษีธุรกิจเฉพาะ : คิดในอัตรา 3.3% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน (แล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่า) จะต้องชำระในกรณีที่ผู้ขายถือครองอสังหาริมทรัพย์มาไม่ถึง 5 ปี
ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
ก่อนที่ธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ให้ได้นั้น ธนาคารจำเป็นต้องทราบมูลค่าที่แท้จริงของบ้านและที่ดินที่ต้องการซื้อก่อน จึงต้องมีการส่งบริษัทประเมินราคาที่เป็นกลางเข้าไปทำการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน โดยค่าประเมินนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละสถาบันการเงิน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 5,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้กู้ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อนำรายงานการประเมินไปประกอบการพิจารณาอนุมัติวงเงิน สินเชื่อบ้าน
ค่าใช้จ่ายหลังโอนกรรมสิทธิ์ที่ต้องเตรียม

หลังจากจัดการค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายหลังการเป็นเจ้าของบ้านที่ต้องคำนึงถึงอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นค่าประกันอัคคีภัยซึ่งเป็นประกันภาคบังคับที่ต้องทำควบคู่กับการขอสินเชื่อ เพื่อคุ้มครองตัวบ้านจากเหตุไม่คาดฝัน รวมถึงค่าตกแต่งต่อเติม ค่าเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการย้ายเข้า ซึ่งควรกันงบประมาณส่วนนี้ไว้อีกก้อนหนึ่ง เพื่อไม่ให้กระทบสภาพคล่องทางการเงิน
สรุปบทความกู้ซื้อบ้าน
การวางแผนกู้ซื้อบ้านให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องมองให้ไกลกว่าแค่เงินดาวน์ การทำความเข้าใจและเตรียมงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งในวันโอนกรรมสิทธิ์และค่าใช้จ่ายหลังโอนฯ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียมความพร้อมที่ดีไม่เพียงแต่จะทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ราบรื่น แต่ยังช่วยลดความเครียดและความกังวลทางการเงิน ทำให้คุณมีความสุขกับบ้านหลังใหม่ได้อย่างเต็มที่ และเริ่มต้นชีวิตในบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ