เช็กก่อนเซ็นรับบ้าน เปิดเช็กลิสต์ 5 จุดตรวจบ้านก่อนโอนที่ห้ามพลาด
การได้เป็นเจ้าของบ้านสักหลังคือความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต แต่จินตนาการถึงการย้ายเข้าอยู่ด้วยความสุขอาจต้องสะดุด หากบ้านที่รอคอยกลับมีปัญหาซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรอยร้าวเล็ก ๆ ที่ผนัง หรือระบบน้ำที่รั่วซึม ซึ่งอาจบานปลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโตในอนาคต ดังนั้น “การตรวจบ้านก่อนโอน” จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้ฝันร้ายมาเยือน ในบทความนี้ เราได้รวบรวมเช็กลิสต์จุดตรวจบ้านที่สำคัญจาก Krungsri The COACH แหล่งรวมความรู้ทางการเงินที่สรุปเนื้อหาให้เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณตรวจสอบบ้านในฝันได้อย่างมั่นใจก่อนเซ็นรับโอน
ทำไมการตรวจบ้านก่อนโอนจึงสำคัญกว่าที่คิด ?
การตรวจบ้านก่อนโอน คือกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ และความเรียบร้อยของบ้านอย่างละเอียด ก่อนที่จะทำการโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของเราอย่างสมบูรณ์ หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงขั้นตอนเล็กน้อย แต่ในมุมมองของ Krungsri The COACH การตรวจบ้านถือเป็นสิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของผู้ซื้อ เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายที่เราจะสามารถแจ้งให้ทางโครงการแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากเรามองข้ามขั้นตอนนี้ไป ปัญหาที่พบเจอในภายหลังอาจกลายมาเป็นภาระค่าซ่อมแซมที่เราต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด การสละเวลาตรวจสอบให้ดีตั้งแต่แรกจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราจ่ายไปนั้น แลกมากับบ้านที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
เปิด 5 จุดเช็กลิสต์สำคัญ ตรวจบ้านให้มั่นใจก่อนเซ็นรับ
เพื่อให้การตรวจบ้านของคุณครอบคลุม และไม่ตกหล่น เราได้รวบรวม และจัดกลุ่มจุดที่ต้องตรวจสอบมาเป็น 5 หมวดหมู่หลักที่เข้าใจง่าย และทำตามได้ทันที
1. งานระบบไฟฟ้า และประปา : หัวใจของบ้าน

ระบบสาธารณูปโภคเปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงบ้านทั้งหลัง ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าทำงานได้ปกติ 100% เริ่มจากการไล่เปิด-ปิดสวิตช์ไฟทุกดวง ทดลองใช้เต้ารับทุกจุด และเปิดดูตู้ควบคุมไฟว่าติดตั้งได้มาตรฐานหรือไม่ ส่วนระบบประปา ให้ลองเปิดก๊อกน้ำทุกจุดเพื่อดูแรงดัน และการไหลของน้ำ ทดสอบการระบายน้ำในพื้นที่เปียก เช่น ห้องน้ำหรือระเบียง ว่าไม่มีแอ่งน้ำขัง และที่สำคัญ อย่าลืมเช็กมิเตอร์น้ำ และไฟในขณะที่ปิดทุกอย่างในบ้านแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมซ่อนอยู่
2. โครงสร้าง และร่องรอยรั่วซึม : จุดชี้เป็นชี้ตาย
โครงสร้างคือความแข็งแรง และความปลอดภัยของบ้าน ให้เดินสำรวจผนัง และเสาทั้งภายใน และภายนอกอย่างช้า ๆ เพื่อมองหารอยแตกร้าวที่ผิดปกติ จากนั้นให้เงยหน้าสำรวจฝ้าเพดานในทุกห้องอย่างละเอียด เพื่อมองหาคราบน้ำหรือรอยด่าง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนชั้นดีของปัญหาน้ำรั่วจากหลังคาหรือจากห้องน้ำชั้นบน การค้นพบ และแก้ไขปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันความเสียหายรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
3. พื้น และผนัง : ความสวยงามที่ต้องเรียบเนียน
ตรวจสอบความเรียบร้อยของงานปูพื้น ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องหรือลามิเนต พื้นผิวต้องเรียบสม่ำเสมอ ไม่เป็นคลื่น ไม่ยุบตัวเมื่อเดิน ลองใช้เหรียญเคาะเบา ๆ บนพื้นกระเบื้องเพื่อฟังเสียง หากเสียงโปร่งอาจหมายถึงมีโพรงอากาศอยู่ข้างใต้ ส่วนผนังต้องฉาบได้เรียบเนียน สีที่ทาต้องสม่ำเสมอ ไม่มีรอยด่างหรือร่องรอยการโป่งพองจากความชื้น ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความสวยงามโดยรวมของบ้าน
4. ประตู และหน้าต่าง : จุดเชื่อมต่อที่ต้องสมบูรณ์

ทดลองเปิด-ปิดประตู และหน้าต่างทุกบาน ต้องใช้งานได้คล่องตัว ไม่ติดขัดหรือมีเสียงดังผิดปกติ ตรวจสอบว่าวงกบติดตั้งได้ฉาก และแนบสนิทกับผนัง ลองล็อกกลอนทุกจุดเพื่อให้แน่ใจว่าระบบความปลอดภัยทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา และที่สำคัญคือต้องไม่มีช่องว่างหรือรูรั่วตามขอบบานหน้าต่าง ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้น้ำฝนสาดเข้ามาสร้างความเสียหายภายในบ้านได้
5. พื้นที่ภายนอก และรอบตัวบ้าน : ความเรียบร้อยโดยรวม
อย่าลืมเผื่อเวลาเดินสำรวจรอบ ๆ ตัวบ้าน ตรวจสอบรั้วว่าแข็งแรง ไม่เอนเอียง ประตูรั้วสามารถเปิด-ปิดได้สะดวก พื้นที่จอดรถต้องเรียบ ไม่ทรุดตัว และมีความลาดเอียงที่เหมาะสมเพื่อการระบายน้ำที่ดี รวมถึงสังเกตท่อระบายน้ำรอบบ้านว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านของเราจะปลอดภัยจากปัญหาน้ำท่วมขัง
การตรวจสอบบ้านอย่างละเอียดตามเช็กลิสต์ คือขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับบ้านที่สมบูรณ์แบบ และคุ้มค่ากับการลงทุน แต่หากคุณไม่มั่นใจในประสบการณ์ของตนเอง การเลือกใช้บริการตรวจบ้านก่อนรับโอน จากบริษัทที่มีผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ชาญฉลาด การลงทุนเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อแลกกับความสบายใจ และความมั่นใจสูงสุด นับว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า เพื่อให้บ้านใหม่ของคุณเป็นพื้นที่แห่งความสุขอย่างแท้จริง