รู้ทันอัมพาต! สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง และวิธีการรักษาที่ไม่ควรมองข้าม
การเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดปกติหรือไม่สามารถขยับแขนขาได้ตามใจสั่ง อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคทางสมองหรือระบบประสาทที่ต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นแบบฉับพลัน เพราะอาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ “อัมพาต” โรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโรคอัมพาตครึ่งซีกหรือทั้งตัว ล้วนต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและทันท่วงที
ในบทความนี้ จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง และแนวทางการรักษาอัมพาตกัน เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อัมพาต คืออะไร? รู้ไว้ก่อนจะสาย
อัมพาต (Paralysis) คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดการสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อในบางส่วนของร่างกาย ทำให้แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถขยับร่างกายได้ตามต้องการ และส่งผลให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองได้ลำบาก
อัมพาตมีอาการเป็นอย่างไร?
อาการของอัมพาตจะขึ้นอยู่กับส่วนของร่างกายที่ได้รับผลกระทบจากการบาดเจ็บหรือโรคที่เกิดขึ้น โดยอาการของอัมพาตที่พบบ่อย สามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
- อัมพาตเฉพาะส่วน (Localized Paralysis) เป็นอาการอัมพาตที่เกิดขึ้นบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย เช่น มือ เท้า ใบหน้า ฯลฯ
- อัมพาตทั่วร่างกาย (Generalized Paralysis) เป็นอาการอัมพาตที่รุนแรงมากกว่าอัมพาตเฉพาะส่วน โดยสามารถจำแนกได้อีกหลายประเภท ดังนี้
o อัมพาตเฉพาะแขนหรือขาข้างเดียว
o อัมพาตครึ่งซีก
o อัมพาตเฉพาะส่วนล่าง ตั้งแต่กลางลำตัวลงไป
o อัมพาตแขนขาทั้งสองข้าง
o อัมพาตแบบ LIS หรือทุกส่วนของร่างกาย ทำได้เพียงกลอกตาอย่างเดียว
ทั้งนี้ อาการต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้ทันทีหรือค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละบุคคล โดยอาการที่เกิดขึ้นล้วนมีผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย จึงควรสังเกตความผิดปกติอยู่เสมอ หากมีอาการปวดศีรษะรุนแรง แขนขาชาอ่อนแรง สูญเสียการทรงตัว การมองเห็น มีอาการหน้าเบี้ยว กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
อัมพาตเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?

อัมพาตเกิดจากการที่ระบบประสาทไม่สามารถส่งสัญญาณหรือควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้อย่างปกติ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุที่ทำให้เส้นประสาทหรือสมองเกิดความผิดปกติ โดยสาเหตุที่อาจทำให้เกิดโรคอัมพาตมีดังนี้
• โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) : เลือดไม่สามารถไหลไปเลี้ยงสมองได้ ทำให้เนื้อสมองบางส่วนได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้
• การบาดเจ็บต่อสมองหรือไขสันหลัง : อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่มีผลต่อสมองหรือไขสันหลัง สามารถทำลายเส้นทางการส่งสัญญาณประสาทและทำให้เป็นอัมพาตได้
• การติดเชื้อและการอักเสบ : บางครั้งการติดเชื้อที่กระทบต่อสมองหรือไขสันหลัง เช่น การอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง ไข้สมองอักเสบ ก็สามารถทำให้เกิดความเสียหายที่นำไปสู่โรคอัมพาตได้
• โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน : เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง หรือกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร
• โรคสมองและระบบประสาทบางชนิด : โรคที่เกี่ยวข้องกับสมองและระบบประสาท เช่น โรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม โรคมะเร็งสมอง โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส อาจส่งผลต่อการควบคุมการเคลื่อนไหวและนำไปสู่อัมพาตในบางราย
• โรคอัมพาตแต่กำเนิด โรคสมองพิการ
อัมพฤกษ์ต่างจากอัมพาตอย่างไร?
หลายคนมักสับสนระหว่างอัมพฤกษ์และอัมพาต เนื่องจากทั้งสองโรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาทที่ทำให้ร่างกายสูญเสียการเคลื่อนไหว แต่จริง ๆ แล้ว อัมพฤกษ์และอัมพาต มีความแตกต่างกันดังนี้
• อัมพฤกษ์ (Hemiparesis / Partial Paralysis) เป็นโรคที่มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบางส่วน แต่ยังพอขยับได้ มักเกิดจากภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว หรือหลอดเลือดสมองตีบที่ยังไม่รุนแรงมาก หากได้รับการรักษาเร็ว อาการอาจดีขึ้นและสามารถฟื้นตัวได้บางส่วนหรือทั้งหมด
• อัมพาต (Paralysis) เป็นโรคที่สูญเสียการเคลื่อนไหวของร่างกายเฉพาะจุดหรือทั้งหมด เกิดจากสมองหรือไขสันหลังได้รับความเสียหายรุนแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุบัติเหตุที่ไขสันหลัง ทำให้การฟื้นตัวมักใช้เวลานาน และอาจไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ทั้งหมด
วิธีการรักษาอัมพาต ทำอย่างไรได้บ้าง?
วิธีการรักษาอัมพาตขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ โดยแพทย์จะวางแผนการรักษาที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยอัมพาตแต่ละคน ซึ่งมีวิธีหลัก ๆ ที่ใช้รักษาอัมพาต ดังนี้
• การใช้ยา : เพื่อป้องกันการเกิดอัมพาตจากสมองและระบบประสาทเสียหาย อย่างเช่นการใช้ยาละลายลิ่มเลือดในโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสมอง
• การใส่สายสวนหลอดเลือด : กรณีที่อัมพาตเกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมอง และอาการไม่ดีขึ้นหลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด อาจใช้สายสวนเพื่อลากลิ่มเลือดออกจากหลอดเลือด ให้เลือดกลับมาไหลเวียนได้อีกครั้ง
• การผ่าตัด : ในบางกรณีที่อัมพาตเกิดจากการบาดเจ็บที่ไขสันหลังหรือมะเร็งที่กดทับเส้นประสาท การผ่าตัดอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษา โดยการผ่าตัดสามารถช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นในไขสันหลังหรือสมองและบรรเทาแรงกดทับที่มีผลต่อระบบประสาท รวมถึงสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอัมพาตได้
ทั้งนี้ การรักษาอัมพาตจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับอาการและสาเหตุของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ หลังรักษาแล้วผู้ป่วยยังอาจได้รับการฟื้นฟูจากอาการอัมพาตไม่ว่าจะเป็นการทำกายภาพบำบัด การกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง การฝังเข็ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวมากขึ้น
อัมพาตรู้ไว รักษาให้หายทัน หากฟื้นฟูร่างกายถูกวิธี!
ผู้ป่วยอัมพาต หากได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที จะสามารถฟื้นฟูการทำงานของร่างกายและลดผลกระทบระยะยาวได้ การรับการรักษาอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การละลายลิ่มเลือด หรือแม้แต่การผ่าตัด ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการรักษาผู้ป่วยอัมพาต ด้วยการดูแลจากทีมแพทย์ด้านระบบประสาทและหลอดเลือดสมอง ที่พร้อมให้การดูแลตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การใช้ยา ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย การรักษาและการฟื้นฟูสมรรถภาพจึงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อีกครั้ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Facebook : Praram 9 hospital
Line : @Praram9Hospital
โทร. 1270