ดึงหน้า ลดความหย่อนคล้อย มีกี่แบบ เทคนิคไหนที่เหมาะกับคุณ

เทคนิคการดึงหน้าเพื่อลดความหย่อนคล้อย ตั้งแต่โปรแกรม Mini Facelift จนถึงโปรแกรม Deep Plane Facelift เทคนิคไหนที่เหมาะกับคุณและรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนตัดสินใจทำ

Home / PR NEWS / ดึงหน้า ลดความหย่อนคล้อย มีกี่แบบ เทคนิคไหนที่เหมาะกับคุณ

เทคนิคการดึงหน้ามีกี่แบบ เลือกยังไงให้เหมาะสมกับคุณ
การตัดสินใจผ่าตัดดึงหน้า เพื่อความอ่อนเยาว์เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การประเมินว่าตัวเองพร้อมหรือยัง การทำความเข้าใจเทคนิคต่าง ๆ ที่มีอยู่ ไปจนถึงการยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น บทความนี้ได้รวบรวมทุกข้อมูลสำคัญไว้เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและได้รับการดูแลให้ปลอดภัย

รู้ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนตัดสินใจดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ แม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์จะทำให้ได้รับการดูแลให้ปลอดภัย แต่การผ่าตัดทุกชนิดย่อมมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ การทำความเข้าใจในประเด็นเหล่านี้อย่างละเอียดและตรงไปตรงมา จะช่วยให้คุณเตรียมตัวและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุด

ผลข้างเคียงทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ในระยะแรก
• เป็นอาการปกติที่พบได้หลังการผ่าตัด และจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับการฟื้นตัวของร่างกาย
• อาการบวมและรอยช้ำเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่นอนและพบได้บ่อยที่สุด โดยจะบวมมากที่สุดในช่วงสัปดาห์แรก และจะค่อย ๆ ยุบลงจนเกือบเป็นปกติในเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์
• อาการเจ็บปวดสามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง โดยอาการจะค่อย ๆ ทุเลาลงภายใน 1-2 สัปดาห์แรก
• อาการชาหรือความรู้สึกผิดปกติบริเวณผิวหน้าที่ทำการผ่าตัดอาจมีอาการชาหรือรู้สึกเหมือนมีมดไต่ ซึ่งเกิดจากการที่เส้นประสาทขนาดเล็กถูกรบกวน โดยความรู้สึกจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติภายในเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
• เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ไม่บ่อย แต่จำเป็นต้องทราบไว้เพื่อสังเกตอาการและป้องกัน
• การบาดเจ็บต่อเส้นประสาทใบหน้าเป็นความเสี่ยงที่น่ากังวลที่สุด อาจทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงชั่วคราวหรือถาวร ส่งผลให้การยิ้มการหลับตาหรือการแสดงสีหน้าไม่สมมาตร ซึ่งความเสี่ยงนี้จะลดลงอย่างมากเมื่อผ่าตัดกับศัลยแพทย์ด้านกายวิภาคบนใบหน้า
• แผลเป็นที่ไม่สวยงาม: แม้ศัลยแพทย์จะพยายามซ่อนแผลในตำแหน่งที่สังเกตได้ยาก แต่ในบางรายที่มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) ง่าย อาจทำให้แผลไม่เรียบเนียนได้
• เลือดคั่งใต้ผิวหนัง (Hematoma): เป็นภาวะที่มีเลือดออกและสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุดหลังผ่าตัด และอาจจำเป็นต้องได้รับการระบายออกโดยแพทย์
• การติดเชื้อ: มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลความสะอาดของแผลและรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
• ผมร่วงชั่วคราวบริเวณแผลผ่าตัด: บริเวณแผลที่อยู่ตามแนวไรผมอาจมีอาการผมร่วงได้ แต่โดยส่วนใหญ่เส้นผมจะงอกกลับขึ้นมาใหม่เมื่อแผลหายดีแล้ว
• ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ: อาจเกิดความไม่สมมาตรของใบหน้า หรือใบหน้าดูตึงรั้งผิดธรรมชาติ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับเทคนิคและประสบการณ์ของศัลยแพทย์

เช็กลิสต์ ! ว่าคุณเหมาะกับการดึงหน้าแล้วหรือยัง

ใครที่เหมาะกับการดึงหน้า

การผ่าตัดดึงหน้าถือเป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนในการจัดการปัญหาความหย่อนคล้อยให้ใบหน้า แต่ก็เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ต้องอาศัยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ลองใช้เช็กลิสต์นี้สำรวจตัวเองเบื้องต้น เพื่อดูว่าคุณมีสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัดดึงหน้าแล้วหรือยัง
• มีความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงรุนแรง: คุณสังเกตเห็นผิวหนังบริเวณแก้ม กรอบหน้า และลำคอหย่อนคล้อยลงมาอย่างชัดเจน จนทำให้กรอบหน้าไม่คมชัดเหมือนเดิม และเริ่มมีเหนียงเกิดขึ้น
• หัตถการอื่น ๆ เริ่มเอาไม่อยู่: คุณเคยลองทำหัตถการที่เล็กกว่า เช่น โปรแกรมร้อยไหม, โปรแกรมฟิลเลอร์, หรือใช้เครื่องยกกระชับมาแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นที่น่าพอใจหรือไม่สามารถแก้ไขความหย่อนคล้อยที่มีอยู่ได้อีกต่อไป
• ร่องลึกที่เห็นได้ชัดเจน: มีร่องแก้มและร่องน้ำหมากลึกชัดเจน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการยุบตัวของไขมันเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากผิวหนังที่หย่อนลงมาทับซ้อนกัน
• มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง: คุณไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัดและการดมยาสลบ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคเบาหวานที่ยังไม่คงที่
• พร้อมสำหรับระยะเวลาพักฟื้น: คุณสามารถจัดสรรเวลาสำหรับพักฟื้นหลังผ่าตัดได้จริง ๆ (ประมาณ 2-4 สัปดาห์) และยอมรับได้กับอาการบวม ช้ำ หรือรอยแผลเป็นที่ต้องใช้เวลาในการจางลง

เทคนิคดึงหน้ามีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
การผ่าตัดดึงหน้าในปัจจุบันมีเทคนิคที่หลากหลาย โดยศัลยแพทย์จะเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดกับปัญหาความหย่อนคล้อย โครงสร้างใบหน้า และวัยของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
• การดึงหน้าแบบเต็ม (Full Facelift) : เป็นเทคนิคที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยตั้งแต่แก้ม กรอบหน้า ไปจนถึงลำคอ เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงรุนแรง แผลผ่าตัดจะยาวตั้งแต่ขมับ ตลอดแนวหน้าหูไปจนถึงหลังหู แต่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและครอบคลุม
• การดึงหน้าแผลเล็ก (Mini Facelift Program) : เป็นเทคนิคการดึงหน้าที่เน้นแก้ไขความหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้าและแก้มส่วนล่าง มีขนาดแผลที่เล็กและซ่อนได้ง่ายกว่า พักฟื้นระยะเวลาไม่นาน เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยไม่มาก หรือยังมีอายุน้อย
• การดึงหน้าส่วนกลาง (Mid-Facelift Program) : มุ่งเน้นการยกกระชับผิวหนังและไขมันบริเวณแก้มโดยตรง ช่วยแก้ปัญหาแก้มตก ร่องแก้มลึก ทำให้ใบหน้าช่วงกลางดูเต็มขึ้น แผลผ่าตัดมักจะซ่อนอยู่บริเวณขอบตาล่างหรือในไรผม
• การดึงหน้าเทคนิคโปรแกรม (Deep Plane Program) : เป็นเทคนิคที่ศัลยแพทย์จะผ่าตัดลงไปใต้ชั้นกล้ามเนื้อ SMAS แล้วยกชั้นผิวหนังและกล้ามเนื้อขึ้นพร้อมกันเป็นชิ้นเดียว ให้ผลลัพธ์ที่แลเป็นธรรมชาติและอยู่ได้ยาวนาน การดึงหน้าด้วยเทคนิคนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์
• การดึงหน้าโดยใช้การส่องกล้อง (Endoscopic Facelift Program) : เป็นการผ่าตัดโดยใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไป ทำให้มีแผลขนาดเล็กมาก (ประมาณ 1-2 ซม.) ซ่อนอยู่บริเวณไรผม มักใช้สำหรับการดึงหน้าส่วนบน เช่น การยกคิ้วหรือหน้าผาก เพื่อลดริ้วรอยและทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น

ขั้นตอนการดึงหน้ามีอะไรบ้าง
การผ่าตัดดึงหน้าเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอนชัดเจนและละเอียดอ่อน ซึ่งศัลยแพทย์จะวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นลำดับขั้น ดังนี้
1. การปรึกษาและวางแผน
เริ่มต้นจากการเข้าพบศัลยแพทย์เพื่อประเมินปัญหาความหย่อนคล้อย พูดคุยถึงผลลัพธ์ที่คาดหวัง และเลือกเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุดกับโครงสร้างใบหน้าของคนไข้
2. การให้ยาระงับความรู้สึก
ก่อนเริ่มการผ่าตัด วิสัญญีแพทย์จะให้ยาระงับความรู้สึก ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นการดมยาสลบ เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บและผ่อนคลายตลอดการผ่าตัด
3. การเปิดแผลผ่าตัด
ศัลยแพทย์จะเริ่มกรีดเปิดแผลตามแนวที่วางแผนไว้ โดยมักจะซ่อนรอยแผลบริเวณขมับในไรผมตามแนวโค้งของใบหูและต่อเนื่องไปจนถึงหลังหู
4. การเลาะและยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อ
ขั้นตอนนี้คือหัวใจสำคัญ ศัลยแพทย์จะเลาะชั้นผิวหนังออกจากชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) จากนั้นจะทำการดึงและเย็บตรึงชั้นกล้ามเนื้อนี้ให้กระชับขึ้น เพื่อสร้างโครงสร้างใบหน้าที่ตึงและอ่อนเยาว์จากภายใน
5. การจัดวางผิวหนังและตัดส่วนเกินออก
เมื่อชั้นกล้ามเนื้อถูกยกกระชับแล้ว ศัลยแพทย์จะจัดวางผิวหนังให้เรียบตึงพอดีกับโครงสร้างใหม่ และทำการตัดผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อยเกินออกไป
6. การเย็บปิดแผล
สุดท้ายศัลยแพทย์จะทำการเย็บปิดแผลด้วยไหมขนาดเล็กอย่างประณีต เพื่อให้รอยแผลหลังการผ่าตัดเรียบเนียนและสังเกตเห็นได้ยากที่สุด จากนั้นจะมีการพันผ้ารอบใบหน้าเพื่อช่วยลดบวมในเบื้องต้น

วิธีการดูแลตนเองหลังดึงหน้า ลดความเสี่ยง ให้แผลหายไว
การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีในช่วงพักฟื้นคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง ลดบวม และทำให้แผลหายไว
ซึ่งมีวิธีการดูแลตนเองเบื้องต้น ดังนี้
• นอนยกศีรษะสูง: ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรนอนหนุนหมอนสูงเสมอ เพื่อช่วยลดอาการบวมของใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ประคบเย็นในช่วงแรก: ใน 48-72 ชั่วโมงแรก ให้ประคบเย็นบริเวณรอบ ๆ ใบหน้า (ไม่ใช่บนแผลโดยตรง) เพื่อช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดอาการบวมและรอยช้ำ
• งดกิจกรรมหนักและก้มศีรษะ: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย การยกของหนัก หรือก้มหน้าต่ำกว่าระดับหัวใจอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันความดันที่ใบหน้าและลดความเสี่ยงเลือดคั่ง
• ดูแลความสะอาดแผล: ทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด และทายาตามที่ได้รับเพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลสมานตัวได้ดี
• รับประทานอาหารอ่อนและมีประโยชน์: เน้นอาหารที่เคี้ยวง่ายและมีโปรตีนสูงเพื่อซ่อมแซมร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดหรือเค็มจัดที่จะกระตุ้นอาการบวม
• ทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด: รับประทานยาแก้ปวด ยาลดบวม และยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่แพทย์สั่ง เพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
• ปกป้องแผลจากแสงแดด: เมื่อแผลเริ่มแห้ง ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงและสวมหมวกเมื่อต้องออกไปข้างนอก เพื่อป้องกันไม่ให้รอยแผลมีสีคล้ำขึ้น
• งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: ควรงดอย่างเด็ดขาดในช่วงพักฟื้น เพราะจะขัดขวางกระบวนการสมานแผลและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ

ผลลัพธ์หลังดึงหน้าสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน
โดยเฉลี่ยแล้วผลลัพธ์ของการผ่าตัดดึงหน้าจะคงอยู่ได้นานประมาณ 7-10 ปี แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ การผ่าตัดไม่สามารถหยุดกระบวนการแก่ชราของผิวได้ แต่เป็นการย้อนวัยให้ใบหน้ากลับไปดูอ่อนเยาว์ลงจากจุดเริ่มต้นใหม่ ดังนั้น การดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง เช่น การปกป้องผิวจากแสงแดดและการใช้ชีวิตที่ดี จะช่วยยืดอายุผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้นได้ค่ะ

สรุปอยากลดความหย่อนคล้อย ทำไมถึงต้องเลือกดึงหน้า ที่ APEX
โดยสรุปแล้ว การผ่าตัดดึงหน้ามีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การประเมินความพร้อมของตัวเองไปจนถึงการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุด การตัดสินใจโดยมีข้อมูลครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัย สำหรับผู้ที่สนใจและมองหาทางเลือกที่เชื่อถือได้

ที่ Apex Medical Center มีโปรแกรมดึงหน้าและดึงคอ (Full Facelift & Neck Lift) ด้วยเทคนิคต่าง ๆ รวมถึง Deep Plane Facelift Program จากคุณหมอสมบูรณ์ ไหวพริบ ว.22713 ในราคา 380,000 บาท เพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าและลำคออย่างเป็นธรรมชาติขึ้นและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ช่องทางการติดต่อ
• Tel : 080-500-0123
• Line : @apexbeauty
• Tiktok : apexprofoundbeauty
• Facebook : APEX Hospital & Beauty Clinic
• Instagram : apexbeauty
• Youtube : Apex Beauty Clinic
• X (Twitter) : ApexProfound
• Website : www.apexmedicalcenter.co.th

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ APEX Surgery Hospital : โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเอเพ็กซ์ สาขาเพลินจิต